“วิโรจน์” ยื่นกรมสรรพากร จี้ปมใช้ตั๋ว PN

กรมสรรพากร 28 มี.ค. – “วิโรจน์” ยื่นกรมสรรพากร จี้อธิบดี-คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ทำเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัด ใช้ตั๋ว PN ไม่ผิด ตั้งข้อสังเกตนายกฯ ซื้อขายทิพย์ เจตนาทำนิติกรรมอำพรางเลี่ยงภาษี เพราะเสียอากรเพียง 27 บาท หวั่นประชาชนทำตาม กระทบจัดเก็บภาษีทำประเทศเสียรายได้ ยันคนละเรื่องกับยื่น ป.ป.ช.


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เดินทางเข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้วินิจฉัยการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว PN) ในการซื้อหุ้น และตรวจสอบพฤติการณ์ใดเข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพราง หลบเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงภาษีที่ผิดกฎหมาย โดยมีนางสาวนลพรรณ ธงมรกต เลขานุการกรม กรมสรรพากร รับหนังสือ

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ต้องมีการวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ และเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าการกระทำในลักษณะอย่างนี้ เข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เจตนาที่แท้จริงคือการรับให้หุ้นของบุคคลในครอบครัว แต่ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือใช้เครื่องมือทางการเงิน เพื่อทำนิติกรรมอำพราง เปลี่ยนเจตนาที่แท้จริงคือการรับให้ เป็นการซื้อขายเพียงแค่รูปแบบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ 5% ใช่หรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ถือว่าสำคัญมาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นผู้นำประเทศ ที่ถืออำนาจรัฐ เป็นหัวหน้ารัฐบาลเป็นประมุขฝ่ายบริหาร และเป็นประธานคณะกรรมการนโยบาย การเงินการคลังโดยตำแหน่งด้วย ซึ่งถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย ต่อสาธารณะ ในเรื่องของวินัยการเงินการคลังอย่างชัดเจน


ส่วนที่นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพกรชี้แจงแล้วว่าสามารถทำได้นั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า เป็นการชี้แจงในลักษณะ ที่ปักใจเชื่อไปแล้วว่า นี่คือการทำธุรกรรมซื้อขายกันจริงๆ แต่ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยเลยว่า นี่เป็นนิติกรรมอำพราง สังเกตหรือไม่ว่านายปิ่นสาย ชี้แจงในลักษณะที่ว่า ถ้าหากมีการชำระเงินตามตั๋ว PN ทางผู้ขาย ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวหากมีกำไร จากการขายหุ้น ก็ต้องไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90-91 แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เป็นข้อสงสัยของสาธารณะ แต่ประเด็นคือนี่ไม่ใช่การซื้อขายกันจริงๆใช่หรือไม่ เป็นเพียงการทำธุรกรรมซื้อขายทิพย์ หรือซื้อขายปลอม เป็นการซื้อขายเพียงแค่รูปแบบเพื่อบดบังเจตนาที่แท้จริง นี่คือการรับให้หุ้นจากครอบครัว หรือได้หุ้นมาจากการให้ ของพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ถ้าหากเป็นการรับให้ ส่วนที่เกิน 20 ล้านก็ต้องเสียภาษี 5% ส่วนที่เกิน 10 ล้าน ก็ต้องเสียภาษีในอัตรา 5% ดังนั้นการวินิจฉัยอยากเป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นทางการ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะประชาชนสงสัยว่าหากทำตามนายกรัฐมนตรี เช่น เจ้าของกิจการที่กำลังจะโอนหุ้นให้กับลูกมูลค่า 20 ล้าน เปลี่ยนใจไม่โอนหุ้นให้ลูกแล้ว แต่ให้ลูกออกตั๋ว PN หรือการทำสัญญาเงินกู้อื่นใด แลกกับมาโดยที่ไม่มีกำหนดชำระ และไม่มีอัตราดอกเบี้ย ในลักษณะนี้จะทำได้หรือไม่ กรมสรรพากรจะไม่เลือกปฏิบัติใช่หรือไม่ จะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่สรรพากรไปเรียกเก็บภาษีรับให้กับประชาชนรายนั้น ใช่หรือไม่

ส่วนการประเมินรายได้ของบุคคลกรมสรรพากรก็ไม่ได้มีการเผยแพร่ ออกมาเป็นรายบุคคลอยู่แล้วนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องชี้แจงต่อสาธารณะ เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน ถ้ากรณีนี้นางสาวแพรทองธารทำได้ประชาชนทั่วไปก็ต้องทำได้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องการโอนหุ้นอย่างเดียวยังรวมสินทรัพย์สินอื่นใด ที่มีการจดทะเบียน เช่นที่ดิน

สำหรับวิธีที่จะพิสูจน์ว่าไม่ได้มีการซื้อขายกันจริงๆ นายวิโรจน์บอกว่าต้องดูพฤติการณ์ ดูเจตนา ตนคิดว่าคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร สามารถที่จะตรวจสอบและสืบสวนสอบสวน ในกรณีนี้ได้ วันนี้ตนจึงทำหนังสือขอให้อธิบดีกรมสรรพากร ดำเนินการตามประมวลรัษฎากร คือไปขอความเห็นเพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัย กรณีของนางสาวแพทองธาร ออกมาอย่างเป็นทางการและเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะได้เป็นแนวปฏิบัติของประชาชนทั่วไป


“เรื่องนี้สำคัญมาก ตอนนี้ทุกคนรู้ว่ากรมสรรพากร และหน่วยงานจัดเก็บภาษี จัดเก็บรายได้ของแผ่นดินมีการเร่งรัด การเก็บภาษีอย่างรัดกุมมากๆ พ่อค้า แม่ขายที่ขายก๋วยเตี๋ยว ขายข้าวแกง ก็มีเจ้าหน้าที่สรรพากรนับจานนับชามเพื่อขอขึ้นภาษีเพิ่มเติม อินฟูเอนเซอร์ ยูทูปเบอร์ ที่มีรายได้จาก การรีวิวสินค้า ก็ถูกเร่งรัดการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือในกรณีของพ่อค้าแม่ขายทั่วไปที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ถ้ารายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปี ก็จะต้องถูกกรมสรรพากรเร่งรัด ให้จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม” นายวิโรจน์ กล่าว

ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบการทำหน้าที่ของอธิบดีด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่าการให้ความเห็นของอธิบดี เบื้องต้นอาจจะมีการปักใจเชื่อโดยส่วนตัว ตนก็มาชวนให้ฉุกคิด และตั้งคำถามว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นเรื่องสำคัญหากนางสาวแพทองธารทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนก็ทำบ้าง ซึ่งการมีช่องว่างทางกฎหมายมีหลักที่คิด 2 เรื่องคือ 1. คนที่ทำถ้าทำถูกกฎหมายต้องพร้อมเปิดเผย เพราะมั่นใจว่าสุจริตถูกกฎหมายและเป็นธรรม ส่วนคนที่ไม่กล้าแสดงตัว มีพฤติกรรมหลบๆซ่อนๆเพราะต้องระแวง เพราะไม่รู้ว่าผิดรู้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าผิดกฎหมายก็สู้ได้เพราะตีความตามตัวอักษร 2.อะไรที่เป็นผลประโยชน์ต่อสาธารณะยิ่งทำมากยิ่งดีเช่นการซื้อประกันที่มีการบอกต่อๆกัน

“หากนางสาวแพทองธารทำถูกต้องแล้วประชาชนทุกคนทำตามสาธารณะได้ประโยชน์อะไร สุดท้ายเป็นผลกระทบร้ายแรงต่อการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน” นายวิโรจน์ กล่าว

ส่วนการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)2,900ล้านบาทนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า คนละเรื่องกัน การยื่นป.ป.ช.ไม่ได้หมายความว่า การชำระภาษีถูกต้องครบถ้วน วันนี้ตนทำใจเป็นกลางต้องการฟังคำวินิจฉัย จากคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เพราะความเป็นธรรมถ้านายกรัฐมนตรี ที่เป็นประชาชนคนหนึ่งทำได้ แต่มีความเสียหายในการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน นั่นหมายความว่าต่อแต่นี้เป็นต้นไปภาษีการรับให้ จะไม่สามารถจัดเก็บได้เลย

“ส่วนที่ว่าทำไมจะต้องใช้ตั๋ว PN ทำไมไม่ได้ใช้เป็นสัญญาณเงินกู้เพราะมีในเรื่องของค่าอากรด้วย ถ้าสัญญาเงินกู้ทุก2000เสีย1บาทแต่จะมีเพดานที่10,000บาท แต่การเป็นหนี้ระดับร้อยล้านพันล้าน แต่มีเพดานค่าอากรอยู่ฉบับละ 10,000 บาท 9 ฉบับรวม 90,000 บาท แต่ถ้าใช้ตั๋ว PN ค่าอากรฉบับละ 3 บาท ดังนั้นการที่เลือกใช้ตั๋ว PN เป็นการประหยัดค่าอากร จาก 90,000 ก็ไม่ต้องเสียเสียแค่ฉบับละ 3 บาท รวม 27 บาทเท่านั้นเอง ที่รัฐได้จากสัญญา 9 ฉบับ แต่ถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ก็ไม่ผิดแต่สะท้อนว่า มีการบริหารภาษีได้อย่างดุดัน และดุดันแบบไม่เกรงใจใคร และในกรณีของผู้ถือหุ้นที่ขายกันในราคาทุนไม่มีส่วนเกินหรือกำไร ก็ไม่ต้องชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่าการที่มุ่งเป้าไปที่นางสาวแพทองธารเพราะไม่ใช่บุคคลทั่วไป เป็นนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจรัฐ

สำหรับระยะเวลา นายวิโรจน์มองว่าควรให้เวลาในการทำงาน จึงถามตัวเองก็จะใช้กลไกของกรรมาธิการพัฒนาการเศรษฐกิจ ขอสภาผู้แทนราษฎรติดตามความคืบหน้า และอาจจะต้องเชิญอธิบดีกรมสรรพากร ไปชี้แจงที่ประชุม และเชิญ ผู้แทนจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพราะกรณีนี้หากเป็นไปในแนวทางปฏิบัติของอธิบดีกรมสรรพากรภาษีการรับให้จะไม่สามารถจัดเก็บได้เลย ทั้งนี้ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้อย่างแน่นอนและสุดท้ายจริงๆอยากจะบอกว่า หลายคนตีความเจตนา คิดว่าตั๋ว PNเป็นเครื่องมือทางการเงิน ในการให้เครดิตระยะสั้น ไม่ได้ผิดอะไร แต่ต้องดูเจตนาที่แท้จริงว่าเป็นการซื้อขายจริงหรือไม่หรือสร้างการซื้อขายผิดรูปแบบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้

“เจตนาที่แท้จริง เป็นการซื้อขายจริงก็ไม่ผิดแต่เจตนาที่แท้จริง คือการจงใจทำนิติกรรมอำพรางสร้างรูปแบบการซื้อขายขึ้นมาทั้งที่เจตนาที่แท้จริงคือการรับให้หุ้น ถ้าเจตนาเป็นนิติกรรมอำพรางยืนยันแล้วผิด ดังนั้นคนที่จะสืบสวนเรื่องนี้และมีคำวินิจฉัยออกมาว่า เงื่อนไของค์ประกอบและวิธีการอะไร ที่จะเข้าข่ายการทำผิดนิติกรรมอำพรางสร้างการซื้อขายที่ คือคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร คนสองคน คนนึงซื้อขายกันจริงๆกับคนนึงจงใจ ผลสัมฤทธิ์ก็อาจจะเหมือนกัน แล้วต้องย้อนไปเรื่องการยักย้ายถ่ายเทหุ้นของแพทองธาร กับคนอื่นๆด้วย” นายวิโรจน์กล่าว

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกต ว่ากำไร ที่ต้องจ่ายนั้น หักไปจ่ายในอีก 20 ปีก็สามารถทำได้ เพียงแต่ ต้องมองว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าค่าของเงินเฟ้อ อาจทำให้มูลค่าของกำไรลดลง

จากนั้นเวลา 11:00 น. นายวิโรจน์ พร้อมด้วยนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กรุงเทพฯ และ นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ จะเดินทาง เดินทางไปกรมที่ดิน เพื่อยื่นหนังสือขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม Thames Valley เขาใหญ่ของนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งพรรคประชาชนได้อภิปราย ว่าสามารถครอบครองได้แต่ออกโฉนดไม่ได้.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]