เครื่องจักรหนักเดินหน้ารื้อถอนเต็มกำลัง ส่งทีมกู้ภัยค้นหาผู้สูญหาย

2 เม.ย.- เครื่องจักรหนักเดินหน้าเต็มกำลัง “หยิบ ยก รื้อ” แผ่นปูน-โครงเหล็ก หลังยังไม่มีสัญญาณพบผู้สูญหายเพิ่ม ด้านนายกสภาวิศวกรเผยเจ้าหน้าที่เร่งขุดโพรง 3 โซนหลัก พร้อมส่งทีมกู้ภัยฯ ค้นหาผู้สูญหาย หวังพบผู้รอดชีวิต


ความคืบหน้าของปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ จตุจักร ถล่ม ขณะแผ่นดินไหว เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเสียงสัญญาณแตรลมดังขึ้น 3 ครั้ง เครื่องจักรทุกชนิดหยุดทำงาน เนื่องจากมีรายงานพบสัญญาณชีพ บริเวณกองซากอาคาร สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โซน D ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งไทยและนานาชาติได้เข้าพื้นที่สำรวจพร้อมกับนำสุนัขดมกลิ่นตรวจหาสัญญาณชีพผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่าสัญญาณที่พบอ่อนมาก จากนั้นได้มีการส่งสัญญาณ เครื่องจักรหนักทุกชนิดกลับมาเดินเครื่องทำงานอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง เป็นความหมายที่รู้กันว่ายังไม่มีการพบผู้ประสบภัยที่สูญหายเพิ่ม และเสียงเครื่องจักร รวมถึงฝุ่นกลับมาคละคลุ้งกระจายเต็มพื้นที่ ท่ามกลางความหวังของญาติทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งสัญชาติเมียนมาและกัมพูชา ต่างมายืนรอด้วยใจที่จะจดจ่ออย่างมีความหวังว่าคนในครอบครัว และญาติของพวกเขาจะยังคงรอดชีวิต

โดยเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ได้นำรถน้ำฉีดพรมน้ำขึ้นไปบริเวณกองซากอาคารที่ถล่ม เพื่อเป็นการลดฝุ่นโดยไม่กระทบกับตัวโครงสร้าง ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญได้มีการประเมินแล้ว


ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร เปิดเผยว่า การใช้เครื่องมือหนักดึงรั้งไว้เพื่อให้คนเข้าไปหาข้างใน เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นหากไม่เจอก็จะถอนกำลังและจะใช้เครื่องจักรหนักทำงานต่อเพื่อหาโพรง เพราะโอกาสที่ผู้ประสบภัยจะรอดชีวิตจะอยู่ในโพรง แม้จะเลยเวลามาแล้วแต่พยายามทำคู่ขนานกันไป เพราะหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ที่จะช่วยชีวิตเขาได้ จึงจะทำในลักษณะนี้สลับกันไป โดยผู้รอดชีวิตอาจจะอยู่ตามโพรงใหญ่ จุดพัก ช่องบันได เท่าที่ค้นหาดูแล้วมีโอกาสที่จะมีอากาศหรือออกซิเจนอยู่ เพราะเมื่อขุดเข้าไปถึงโพรงพบว่าภายในโล่ง แต่ไม่สามารถเอาตัวคนลอดเข้าไปได้จะต้องใช้กล้องลงไปส่องดู จึงมีโอกาสที่จะมีอากาศไหลเข้าไป หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์อยู่ตรงนั้น ขณะเดียวกันได้พยายามลดน้ำหนักบริเวณโซน C และ D เพื่อจะนำของหนักๆ ออก

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ กล่าวว่า คนส่วนใหญ่หากจะหนี จะหนีไปทางบันไดและปล่องลิฟท์ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งจะมีสิ่งมากีดขวาง หากวิ่งหนีออกมาไม่ได้บางส่วนก็อาจจะหลบอยู่ที่ลานจอดรถใต้ดิน อุปสรรคช่วงแรกจะเห็นว่าพื้นทับกันเป็นชั้นในลักษณะแพนเค้ก พื้นที่ทับกันเป็นชั้นทำให้ยากต่อการที่จะทะลวงให้เป็นรูแล้วลงไปถึงด้านล่างและยากต่อการดึงออกทั้งแผงเนื่องจากยาวมาก หากจะยกออกทั้งแผงจะต้องเคลียร์วัสดุออกก่อน โดยเฉพาะเสาที่ล้มลงมาถูกโยงกันด้วยเหล็ก สันนิษฐานว่าอาจเป็นรอยต่อระหว่างพื้นกับเสา เมื่ออาคารล้มลงมาก็ต้องมีเหล็กผูกฉะนั้นจะต้องมีการตัดเหล็กก่อน หากจะยกพื้นชั้นบนออกก็จะทำให้ติดเสา จะต้องดึงตัวที่เป็นเสาออกก่อน จากนั้นจะต้องปรับระดับความสูงที่อยู่ด้านบนให้ใกล้เคียงกันเพื่อปรับสมดุลไม่ให้ไหลลงมาเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทีมกู้ภัย โดยจะทำเป็นขั้นบันไดไล่เลียงขึ้นไป ได้เริ่มกระบวนการไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ได้ใช้เครื่องมือหนักในโซน C และ D ส่วนโซน B ยังเสี่ยง เนื่องจากว่ามีพื้นที่มีเสาหักทับลงอยู่ ขณะนี้จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปให้ถึงโซน A ด้วย เพื่อเปิดโพรงให้คนเข้าไปได้ด้วย โดยจะมีการทำแบบนี้ไปสักระยะเมื่อถึงจุดหนึ่งจะให้คนเข้าไปค้นหาต่อสลับกันไป

ส่วนโอกาสที่จะพังถล่มซ้ำถ้าขุดไม่เป็น และไม่มีความชำนาญ เช่น ดึงจากข้างล่างออกก่อน ข้างบนก็จะถล่มทันที ดังนั้นเป็นไปได้หมด หากรื้อไม่เป็นหรือไม่ถูกวิธี เพราะฉะนั้นเราต้องประเมินเรื่องความลาดชันตลอดเวลาของซากอาคาร หากไปดึงจุดไม่ถูกต้องจะไปกระตุกทั้งหมดให้ถล่มลงมา แต่หากใช้วิธีขั้นบันไดที่ทำอยู่โอกาสที่จะถล่มซ้ำเป็นไปได้ยาก และจะสังเกตุได้ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้คีบเอาเศษปูนจากด้านบนออกก่อน แต่มีการกำกับและดูแลเรื่องของการดึงชิ้นส่วนออกอยู่ตลอดเวลา


หากประเมินความยากง่ายกรณีที่ใกล้เคียงกัน ปี2557 เคยเกิดเหตุอาคารถล่มอยู่แค่ 5-6 ชั้น และครั้งนั้นก็มีผู้รอดชีวิตอยู่ที่บริเวณปล่องลิฟท์กับตัวพื้น โดยคนอื่นเสียชีวิตหมดแต่ผู้รอด เกือบจะโดนทับเพียงแค่ 15 เซนติเมตร ใช้เวลากู้ 25 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย โดยคาดหวังว่าจะมีผู้รอดดชีวิตในลักษณะเดียวกัน

ส่วนระยะเวลาในการทำภารกิจ รวมถึงการรื้อถอน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ อยากให้ประเมินเป็นวันต่อวัน ซึ่งตนเองก็ยอมรับคำวิจารณ์ แต่ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ที่ทำภารกิจทุกหน่วยต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกันเพื่อต่อสู่หวังว่าจะช่วยผู้รอดชีวิตออกมาได้ โดยเชื่อว่าหากมีผู้รอดชีวิตเพียงแค่คนเดียวก็จะทำให้กู้ภัยทั้งหมดดีใจ

อย่างไรก็ตาม ทีมกู้ภัยกองกำลังผสม ทั้งไทยและต่างชาติเข้าค้นหาใต้อาคารโซน C พบบัตรประจำตัวพนักงาน กระเป๋า และรองเท้า คาดว่าเป็นของผู้ประสบภัยที่สูญหายในพื้นที่บริเวณดังกล่าว แต่ยังไม่พบผู้สูญหายในบริเวณดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เครื่องจักรหนักกำลังทำงาน ส่วนทีมกู้ภัยประชุมวางแผนใหม่อีกรอบ .419 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]