ผู้เสียหายหุ้นกู้ STARK จ่อฟ้องแพ่ง คดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม รอดีเอสไอไฟเขียว

กรุงเทพฯ 24 พ.ย. -ผู้เสียหายซื้อหุ้นกู้ STARK รวมตัวจัดกิจกรรม “รวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค” รวบรวมหลักฐานเตรียมฟ้องกลุ่มเอาผิดทางแพ่ง เป็นคดีผู้บริโภค เรียกค่าชดเชย รอดีเอสไอไฟเขียว คาดยื่นฟ้องภายในปีนี้


ประชาชนและกลุ่มผู้เสียหาย จากรณีซื้อหุ้นกู้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ STARK รวมตัวจัดกิจกรรม “รวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค” เพื่อรับฟังข้อมูลคดีและตอบคำถามโดยคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการบัญชี  และรัปฟังตัวแทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ข้อมูลการลงทะเบียนขอรับการชดใช้ค่าเสียหาย 

นายวีรพัฒน์  ปริยวงศ์ ที่ปรึกษากฎหมาย เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมวันนี้เพื่อรวบรวบผู้เสียหายกรณี STARK ฟ้องร้องเอาผิดทางแพ่ง ฟ้องแบบกลุ่ม เป็นคดีผู้บริโภค เพื่อเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชดเชยเยียวยา เนื่องจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับนักลงทุนในวงกว้าง และพบว่ากรณี STARK ไม่ได้ผิดเฉพาะในกรณีหุ้นกู้ แต่เป็นความผิด ที่มีการเตรียมการตั้งแต่การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ  มีการสร้างข่าวในการระดมทุน จนทำให้เกิดการโกงที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 9,000 ล้านบาท มีผู้เสียหายมากกว่า 4,000 ราย ซึ่งที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐ ทั้ง ปปง.  กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีการดำเนินการทางอาญาแล้ว


สำหรับการฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่มในครั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายในการดำเนินการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และสามารถเรียกค่าชดเชยเยียวยาได้มากกว่าฟ้องแพ่งทั่วไป อย่างไรก็ตามแม้ว่าก่อนหน้านี้ จะมีผู้เสียหายดำเนินการฟ้องไปบางส่วนแล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ก็อาจมีการรวมคดีเพื่อพิจารณาด้วยกัน  โดยเมื่อดีเอสไอยินยอมให้นำข้อมูลไปประกอบคดีแพ่งได้ ก็จะมีการเำเนินการยื่นฟ้องทันที คาดว่าไม่เกินภายในปีนี้ เชื่อว่าจะถือเป็นคดีตัวอย่างที่สำคัญที่ ไม่ใช่เพียงแค่การเรียกร้องค่าเสียหายให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีหุ้นกู้ STARK เท่านั้น แต่มองว่าจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับกฎเกณฑ์การตรวจสอบให้เกิดความเข้มข้นต่อไป  

สำหรับผู้เสียหายที่ต้องการฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่มสามารถแอดไลน์ @ThaiStark โดยสามารถส่งข้อมูล หรือให้กำลังใจพูดคุยกันได้ผ่านห้องแชตไลน์

นายปิยะ  ศรีวิกะ ผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงานป.ป.ง. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ง. มีการประสานตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งในและต่างประเทศว่ามีใครเป็นผู้รับผลประโยชน์บ้าง  ซึ่ง ทรัพย์สินที่อยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ง.มีมูลค่าสูงมาก มากกว่า 350 ล้านบาท และมีธุรกรรมการเงินที่ซับซ้อน จึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบรวมถึงใช้ความสัมพันธ์ทางการฑูต ยอมรับว่าขณะนี้ เงินปนกันไปหมด จำเป็นต้องใช้กฎหมายหลายฉบับ ก่อนเข้าสู่กระบวนการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์สินต่อไป


ด้านผู้เสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหลังเกษียณ เปิดเผยว่า ได้รับความเดือดร้อนจากกรณี STARK เนื่องจากใช้เงินเก็บหลังเกษียณมาลงทุน หวังมีรายได้มาใช้จ่าย จึงอยากให้ผู้บริหาร STARK ออกมาแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงให้ความชัดเจนในการเยียวยาช่วยเหลือ ยอมรับได้ว่าอาจไม่ได้คืนทั้งหมด แต่ก็อยากให้มาชดเชยบ้าง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง