ปปง. รู้ชัดเส้นเงิน “ดิไอคอน” จ่อชงอายัดทรัพย์ลอตใหญ่เพิ่ม

รัฐสภา 30 ต.ค.- กมธ.ปปง. เผย ปปง. รู้ชัดเส้นทางการเงิน ดิไอคอน ครบหมดแล้ว เตรียมให้ คกก.ธุรกรรมพิจารณาอายัดทรัพย์ลอตใหญ่เพิ่ม บอกต้องทำควบคู่คดีอาญา ประชุมครั้งหน้าเชิญ สคบ.-ดีเอสไอ ให้ข้อมูล แยกแม่ข่ายกับผู้เสียหายอย่างไร เพื่อเอาผิดตัวการหลักให้ได้


นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร  กล่าวถึงผลการประชุมพิจารณาคดี ดิไอคอน นัดแรก ว่า เราได้มีการเชิญกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) , ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และตัวแทนผู้เสียหาย มาให้ข้อมูลกับทางกรรมาธิการ

โดยในส่วนของปปง. เราได้ติดตามในเรื่องของการยึดอายัดทรัพย์ เบื่องต้นมีการยึดอายัดทรัพย์แล้ว 4 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมด 240 ล้านบาท ครั้งแรกที่มีการยึดอายัดใช้อำนาจของเลขาฯ ปปง.ตามกฎหมาย และหลังจากที่มีความชัดเจนในคดีอาญาทางคณะกรรมการธุรกรรมก็จะมีการประชุมกันอีกครั้งและจะมีการยึดอายัดเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้ ปปง.ได้มีการชี้แจงชัดเจนว่า เส้นทางการเงินทราบหมดแล้วว่าเงินไปทางไหนบ้าง ของใครบ้าง โยกย้ายถ่ายเงินออกไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ข้อสำคัญคือถ้าหากโยกย้ายถ่ายเงินออกจากบัญชีอีกก็จะเข้าข่ายการฟอกเงิน


ส่วนตำรวจ ปคบ.ขณะนี้ มีการโอนคดีไปที่ดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว ดีเอสไอก็สามารถใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ช่วยทำงานได้ ลำพังดีเอสไอเองก็คงไม่มีเจ้าหน้าที่จำนวนเพียงพอที่จะดูแลคดีที่มีจำนวนมากขนาดนี้

ทั้งนี้ คดีดีไอคอนขณะนี้มี 2 ส่วนคือ คดีอาญาดำเนินไปโดยดีเอสไอและอีกส่วนคือ ปปง.ผู้เสียหายจะต้องมาทำเรื่องขึ้นทะเบียนคุ้มครองสิทธิ์ โดยทาง ปปง.จะแจ้งประกาศอีกครั้ง หลังจากคดีอาญามีความชัดเจน และ ปปง.มีจำนวนการยึดอายัดที่ชัดเจนแล้ว ซึ่งในส่วนนี้จะแยกกันกับคดีอาญา ดังนั้น ประชาชนผู้เสียหายที่แจ้งความดำเนินคดีไว้ ไม่ใช่ว่าจะได้รับการเยียวยาโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องมาขึ้นทะเบียนกับ ปปง.อีกครั้ง

ส่วนผู้เสียหายที่เป็นทั้งแม่ข่าย และถูกบอสพอลแจ้งความว่าเป็นผู้กระทำความผิดด้วย รวมทั้งผู้เสียหายทั่วไปที่มาสมัครเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ไม่สามารถขายของได้ วันนี้ก็ได้มาให้ข้อมูล ตนก็ได้ย้ำไปแล้วว่าอย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป สำหรับผู้ที่เป็นแม่ข่าย บางคนเป็นแม่ข่าย แต่ถอนตัวออกไป 2 ปีแล้ว แต่กลับถูกดำเนินคดี อย่าเพิ่งกังวลไป ต้องรอดูดีเอสไอว่า จะให้คำนิยามของผู้ที่จะเป็นผู้ต้องหา หรือผู้ถูกกล่าวหาว่าอย่างไร เพราะการเป็นสมาชิกมีหลายชั้น และขณะนี้ยังไม่ได้ระบุว่าใครจะเป็นผู้เสียหาย แต่อีกส่วนหนึ่งก็จะถูกกันไว้เป็นพยานเพื่อจะเอาผิดกับผู้ที่เป็นตัวหลักให้ได้


นายเลิศศักดิ์ ยังกล่าวว่า ปปง.ได้ชี้แจง ว่า มีการเตรียมการที่จะขายทรัพย์สินบางอย่าง หรือมีการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เป็นเหตุให้ปปง.เห็นความเคลื่อนไหวนี้ เลขาฯปปง.จึงใช้อำนาจตามกฎหมาย ยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน 130 ล้านบาทตามข่าว ก่อนที่จะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการธุรกรรม แต่ตอนนี้ปปง.เห็นเส้นทางทางการเงินทั้งหมดแล้ว ซึ่งก่อนที่จะมีเรื่องมีราวขึ้นมาผู้บริหารบางคนก็ได้มีการโยกย้ายถ่ายโอนไว้บางส่วน

อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนสบายใจได้ วันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ครั้งต่อไปจะเชิญ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และดีเอสไอมาชี้แจง เพราะมีประเด็นในเรื่องที่สคบ.เคยทำหนังสือถึงสำนักงานตำรงจแห่งชาติ เมื่อปี 2561 แต่ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ นี่คือสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป

ทั้งนี้ ขณะนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกงและพ.ร.บ.คอมฯ แต่เรื่องความผิดทางพ.ร.บ.ขายตรง ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา เพราะ สคบ.ยังไม่แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้มายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะสคบ.เป็นผู้รับผิดชอบกฎหมายนี้โดยตรง ถ้าหากแสดงความเห็นว่า มีแนวโน้มที่จะผิดพ.ร.บ.ขายตรงหรือการตลาดแบบตรง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และพ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็ต้องรอความเห็นจาก สคบ.เช่นเดียวกัน ดังนั้นความชัดเจนจะมีมากขึ้นในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น วันที่ 13 พ.ย. 67

นายเลิศศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ข้อสรุปที่ตนอยากได้ คือสรุปแล้วทางดีเอสไอจะกำหนดให้ผู้ที่เป็นผู้ต้องหาหรือผู้ที่ถูกกล่าวหาคือใครบ้าง ในบรรดาข่ายเครือข่ายของดิไอคอนทั้งหมด เพราะมีหลายชั้น ชั้นระดับไหนถึงจะเป็นผู้เสียหาย ฉะนั้นดีเอสไอจะกำหนดหลักเกณฑ์ว่าอย่างไร หรือจะกันใครไว้เป็นพยาน เอาผิดใครได้บ้าง

ส่วนที่ทางสมาชิกวุฒิสภามีข้อกังวลว่า การนำเรื่องนี้ให้ดีเอสไอไปดำเนินการ จะแล้วเสร็จไม่ทันตามกรอบเวลา อาจทำให้คดีหมดอายุความนั้น นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีการติดตามจากประชาชน และยืนยันว่ากรรมาธิการชุดนี้จะติดตามตลอดจนถึงอัยการสั่งฟ้อง ผู้เสียหายได้รับการเยียวยา ถ้าหากการเชิญหน่วยงานมาชี้แจง 2-3 ครั้งจบ ก็จะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาดำเนินการต่อ เพื่อให้ประชาชนและผู้เสียหายมาแลกเปลี่ยนข้อมูลต่อกันได้ และจะสะท้อนปัญหาให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี

ส่วนเส้นทางทางการเงินจะไปถึงนักการเมืองหรือไม่ นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า เรายังไม่รู้ว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เท่าที่สอบถาม ปปง. ยืนยันว่ารู้เส้นทางอยู่แล้ว ว่าเส้นเงินไปถึงใครบ้าง ไม่ต้องห่วงและสบายใจได้ในเรื่องนี้

ส่วนการจับกุมแม่ข่ายในรอบสองนั้น ตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ซึ่งการประชุมครั้งต่อไปที่มีการเชิญดีเอสไอ ก็จะมีการเจาะประเด็นนี้ ในส่วนของกรรมาธิการก็จะเดินไปทีละขั้นตอน พร้อมยืนยัน วันนี้ปปง.ชัดเจน ว่าหลังจากที่ได้มีการยึดอายัดทรัพย์ครั้งใหญ่ต่อไป ก็จะอิงกับคดีอาญาไปด้วย ซึ่งทาง ปปง. ได้ยกคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็ได้ยึดอายัดทรัพย์ไว้เยอะ สุดท้ายศาลยกฟ้อง ปปง. ก็อาจจะโดนฟ้องกลับได้ ปปง.จึงต้องระมัดระวังในส่วนนี้ ดังนั้นหากคดีอาญาเดินทางไปถึงในจุดที่ คณะกรรมการธุรกรรมมั่นใจและสามารถยึดอาญาทรัพย์เพิ่มเติมได้ ก็จะดำเนินการ แต่ก็ได้ให้คำมั่นว่าจะมีลอตใหญ่อีก.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย