23 พ.ย. – ปลากัดสวยงามหลากหลายสายพันธุ์ ส่งออกต่างประเทศ ทั้งจีน สิงค์โปร ญี่ปุ่น สหรัฐ และออสเตรเลีย ตัวละหลายร้อยบาท ต่อยอดการพัฒนาสายพันธุ์ปลากัดสวยงามให้สามารถครองตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
นางสาวนิภา มุสิพรม เจ้าของบ่อปลากัด เปิดเผยว่า ลาออกจากการเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชน ผันตัวมาช่วยครอบครัวเพาะปลากัดขายปลาเมื่อสิบกว่าปีก่อน ช่วงแรกที่บ้านก็จะเพาะพันธุ์ปลากัดหม้อขายตัวละ 5-10 บาท แต่หลังจากนั้นก็มีแนวคิดผสมพันธุ์ปลากัดสวยงามขายเอง โดยซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากตลาดปลาสวยงามมาเพาะเลี้ยง ล่าสุดสามารถทำเป็นธุรกิจ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับครอบครัวได้มากยิ่งขึ้น ขณะนี้สามารถคัดปลาที่เลี้ยงส่งขายสู่ต่างประเทศเดือนละ 2 ครั้ง และขายที่ตลาดจตุจักรเดือนละ 4 ครั้ง โดยมีปลากัดสวยงามสองสายพันธุ์หลักคือ ปลากัด สายพันธุ์โค่ย ขนาดเล็ก ไม่เกิน 4 ซม. และปลากัด สายพันธุ์โค่ย ขนาดใหญ่ (6.5-8.5 ซม.) หรือปลากัดที่มีสีสันและแพตเทิร์นคล้ายคลึงกับปลาคาร์ป ซึ่งทั้งสองชนิดจะแยกออกไปอีกหลายอย่าง และมีสายพันธุ์อื่นๆ อีกหลายชนิดทั้งหมดถูกเพาะและพัฒนาสายพันธุ์จนเลือดนิ่ง ได้สีและขนาดตามมาตรฐานตลาดปลาต้องการ
ส่วนรายได้ถือว่าค่อนข้างดี ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะจีนสั่งปลากัดสายพันธุ์ยักษ์ขั้นต่ำราคาตัวละ 100 บาท สายพันธุ์เล็กตัวละ 35 บาท และรับซื้อแบบไม่อั้น มีเท่าไรรับซื้อหมดครั้งละนับแสนตัว ส่วนปลากัดทั้งพันธุ์โค่ยเล็กและใหญ่ที่สีสวย ฟอร์มดี ราคาตัวละ 1,000-3,000 บาท
ส่วนตลาดในประเทศส่งขายต่างจังหวัดบ้าง ขณะที่ตลาดจตุจักรซึ่งเป็นตลาดหลักจะขายปลากัดสายพันธุ์ใหญ่จะมีราคา 300-700 บาท สายพันธุ์เล็กราคาตัวละ 50-300 บาท มีลูกค้าสนใจเลือกซื้อกันอย่างต่อเนื่อง
นางสาววิภาบอกอีกว่าอาชีพเพาะปลากัดสวยงามขายถือว่าเป็นอีกทางเลือกของอาชีพที่สามารถทำอยู่กับบ้านได้ สร้างรายได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ในหมู่บ้านขมีผู้เพาะเลี้ยงปลากัดขายกว่า 50 ครัวเรือน หันมาเพาะเลี้ยงปลากัดสวยงามส่งขายทั้งในและต่างประเทศด้วยเช่นกัน คาดว่าตลาดการส่งออกไม่น่าจะตันหรือขายไม่ได้ เพราะจากประสบการณ์เลี้ยงปลากัดขายมา 49 ปี ยังคงขายได้ตลอด เพียงแค่ผู้เลี้ยงไม่หยุดอยู่กับที่ พัฒนาสายพันธุ์ให้ได้พันธุ์ปลากัดที่สวยถูกใจลูกค้าอยู่ตลอดเวลา. – สำนักข่าวไทย