กระบี่ 15 มิ.ย. – ธุรกิจส่งออกปลากัดสวยงาม จ.กระบี่ เริ่มฟื้นตัว หลังผ่านวิกฤติโควิด ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เคยขายได้ราคาสูงถึงตัวละ 3 หมื่นบาท ชื่อแดงไบเล่ย์ พร้อมเปิดให้ผู้สนใจได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ เพื่อจะนำไปต่อยอดเป็นอาชีพได้
ธุรกิจการเลี้ยงปลากัดสวยงาม เป็นอีกหนึ่งช่องทางธุรกิจทำเงินมหาศาล ลงทุนไม่มากความเสี่ยงน้อย แต่ต้องอาศัยความขยัน และใจรักเป็นทุน ในช่วงที่ผ่านมาตลาดค่อนข้างดี มีทั้งในและต่างประเทศ แต่ในช่วงโควิดระบาดส่งผลกระทบต่อฟาร์มเลี้ยงปลากัดสวยงาม ค่อนข้างมาก เนื่องจากไม่สามารถนำออกจำหน่ายได้
นายสมศักดิ์ คงเมฆา ประธานชมรมเลี้ยงปลากัดสวยงาม จ.กระบี่ เจ้าของฟาร์ม SK BETTA FARM ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม กล่าวว่า ก่อนจะมาเพาะเลี้ยงปลากัดสวยงามขาย เริ่มมาจากความชอบส่วนตัว โดยเริ่มจากซื้อพ่อแม่พันธุ์ปลากัดมาเลี้ยงสะสมเป็นจำนวนมาก ทำให้ปลากัดเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องหาตลาดหรือช่องทางการจัดจำหน่ายไปเรื่อยๆ ประกอบกับมีความตั้งใจและสนใจในการเพาะเลี้ยงปลากัดมากว่า 10 ปี โดยในปี 2559 เริ่มเพาะเลี้ยงปลากัดเป็นอาชีพอย่างจริงจัง ใช้พื้นที่ว่างบริเวณหน้าบ้านและหลังบ้านเป็นสถานที่เลี้ยงและมีสมาชิกในครอบครัวร่วมสนับสนุน ในนามของ SK BETTA FARM
ปัจจุบันชมรมเลี้ยงปลากัดสวยงาม มีสมาชิกประมาณ 20 คน ก็มีหน่วยงานของรัฐเข้ามาสนับสนุน ทั้งจากกรมประมง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) และสมาคมปลากัด เพื่อให้สมาชิกมีรายได้เสริม เพราะการเพาะเลี้ยงปลากัดที่มีความสวยงามเป็นการเพิ่มมูลค่าไปในตัวอยู่แล้ว และผู้เลี้ยงใช้เวลาในการเอาใจใส่ดูแลประมาณ 3-5 เดือน ปลากัดโตและแข็งแรงเพียงพอในการจำหน่ายสู่ตลาด วิธีการการเพาะเลี้ยงปลากัดของตนส่วนใหญ่จะศึกษาด้วยตนเอง และเฝ้าสังเกตทุกวันจนมีประสบการณ์ และได้มีโอกาสส่งปลากัดที่เพาะเลี้ยงได้เพียง 1 ตัว ไปประกวดในงานเปิดโลกปลากัดอัญมณีใต้น้ำแดนสยาม ที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.นครศรีธรรมราช ในครั้งนั้นได้รับรางวัล Best In Show ประเภทปลากัดแฟนซี และปลาตัวนั้น จึงตั้งชื่อให้เป็นฤกษ์ที่ดีของตนเองว่า The Best เป็นปลาสาย Galaxy NEMO สามสี สีแดง ส้ม และสีขาว ในเวลาต่อมามีผู้สนใจจาก กทม.ติดต่อขอซื้อมา จึงแบ่งปันขายให้ไปได้ราคาสูงถึง 20,000 บาท
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในการเพาะเลี้ยงปลากัดที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดกระบี่ จะมีความโดดเด่นซึ่งถือว่าเป็น Profile ที่ดีของฟาร์มจากที่เคยสามารถจำหน่ายปลาได้ตัวละเพียงหลัก 100 บาท 1,000 บาท ปัจจุบันผลผลิตปลากัดที่เพาะเลี้ยงสามารถนำไปขายตัวละหลายพันบาท จนถึงหลัก 10,000 บาท และเมื่อปี 2562 สามารถจำหน่ายปลากัดสวยงาม ให้ชาวไต้หวัน ได้ราคาดีสูงถึง 30,000 บาท ตั้งชื่อว่า แดงไบเล่ย์ เกิดจากการผสมที่เป็นยีนส์ด้อยกลับกลายเป็นโอกาสทองของฟาร์ม ที่จะได้พัฒนาต่อยอดและให้ความรู้ และผู้สนใจ รวมไปถึงสามารถกระจายผลผลิตไปยังนานาชาติทั่วทุกทวีป เช่น ในกลุ่มประเทศอาเซียน คือ ประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐ และเยอรมนี ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊ก SK BETTA FARM . – สำนักข่าวไทย