กทม. 29 ต.ค.- ‘วรวัจน์’ ชี้ รัฐบาลทำดิจิทัลทรานฟอร์เมชัน เพื่อเดินหน้าเป็นรัฐบาลดิจิทัล ย้ำ แจกเงินดิจิทัล 10,000 เพื่อหลักการพัฒนาที่ก่อเกิดรายได้แก่ประชาชน
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ถึงเวลา สื่อสาร ให้ชัดเจนว่า การทำดิจิทัลทรานฟอร์เมชันสำหรับการเป็นรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย เป้าหมายคือ การพัฒนาระบบดิจิทัล และเทคโนโลยี ให้เชื่อมต่อกระบวนการทำงานของทุกหน่วยงานรัฐ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น เพื่อให้บริการแก่ทุกภาคส่วนได้อย่างรวดเร็ว
นี่เป็นการวางรากฐานของระบบที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อเชื่อมต่อ ทั้งกระบวนการทำงาน การบริการภาครัฐ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ การสร้างรูปแบบการตลาดใหม่ ที่เชื่อมโยง ผู้ประกอบการไทย ให้เข้าถึงนักธุรกิจที่ทำการค้าในรูปแบบต่างๆ ทั่วโลก โดยไม่ต้องมีตัวกลาง เป็นระบบ ทางการเงิน ที่ลดรายจ่ายของสถาบันทางการเงิน มีเทคโนโลยีแปลภาษาอัตโนมัติคอยช่วยเหลือ การสื่อสาร เป็นการสร้าง วัฒนธรรมดิจิทัลขององค์กร โดยมี การกำหนดเป้าหมาย ให้ภาคธุรกิจของประเทศไทย เติบโตขึ้นในอนาคต โดยไม่มีข้อจำกัด ง่ายต่อการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
เราต้องการปรับตัวเข้าสู่ยุค Metaverse คือการเชื่อม การใช้ชีวิตในปัจจุบันกับโลกเสมือนจริง ที่รวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายในอนาคตได้อย่างมหาศาล ซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จะทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ใช้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อประเทศมั่งคั่งขึ้น รัฐบาลก็จะได้ภาษีกลับมาเป็นเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศได้มากขึ้นในอนาคต
นายวรวัจน์ ระบุอีกว่า สำหรับเรื่องเม็ดเงินที่จะนำมาใช้นั้นอาจจะต้องหยิบตัวอย่างมาอธิบายว่า จริงๆแล้วประเทศไทยมีเม็ดเงินแฝง ที่ไม่สะดวกต่อการนำมาใช้อย่างมากมาย เช่น เงินนอกงบประมาณที่มีอยู่ถึง 4.8 ล้านล้านบาท,เม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีกหลายล้านล้าน ,เม็ดเงินของท้องถิ่นที่ใช้จ่ายยากหรือไม่ได้นำมาใช้ อีกหลายแสนล้าน,ค่าธรรมเนียมแฝงที่เก็บไว้ของหน่วยงานรัฐ ที่ไม่ได้นำมาใช้อีกมากมายแต่ไม่สามารถเก็บตัวเลขได้
“ผมเชื่อว่า หากค่อยๆอธิบายข้อมูลเหล่านี้ ว่าทำแล้วมีประโยชน์อย่างไรประชาชนจะเข้าใจ ทั้งนี้ ตอนนี้ทุกคนคิดว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท คือการแจกเงินฟรีแก่ประชาชน ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ใช่ หลักการการพัฒนาที่ก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชนของพรรคเพื่อไทย เหมือนกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่มิใช่โครงการรายจ่ายแต่เป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ ประชาชน ทำให้ประเทศมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นประเทศมั่งคั่งขึ้นและรัฐบาลได้ภาษีเพิ่มมากขึ้น เหมือนกับระบบการศึกษาฟรีที่ทำให้ประชาชนมีศักยภาพและความรู้ที่จะสร้างรายได้ในอนาคตได้เพิ่มมากขึ้นและแน่นอนรัฐบาลก็จะได้รับเม็ดเงินภาษีกลับมาเพิ่มขึ้นด้วย
ทีมสื่อสาร อาจต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจกับยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับเทคนิคการสื่อสาร ในระยะนี้ สามารถอธิบายได้ยาวขึ้นเพื่อให้ชัดเจนและเข้าใจลึกซึ้งขึ้น ผมไม่อยากให้ คำพูดเฉพาะว่า “แจกเงิน” กลายเป็นอุปสรรคของการพัฒนา เพียงเพราะการสื่อสารที่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลครบถ้วนครับ” นายวรวัจน์ ระบุ .-สำนักข่าวไทย