“ชาดา” สั่งลูกเขยลาออกหลังถูกจับคดีสินบน

รัฐสภา 25 ต.ค.- “ชาดา” ย้ำทำหน้าที่ในฐานะ รมช.มหาดไทย ให้ลูกเขยลาออก เปิดทางเลือกตั้งใหม่ หลังถูก ตร.รวบคดีสินบน ทั้งที่มีสิทธิแค่พักหน้าที่ ย้ำต้องมีสปิริตมากกว่าคนอื่น พ้อ “จับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า” เตือนอย่าใช้เอไอ-อวตาร แพร่ภาพลูกหลาน ถ้าไม่พอใจขอให้ด่า “ชาดา”


นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ปปป. เข้าจับกุมนายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ลูกเขยนายชาดา ในความผิดฐานเรียกรับสินบนโครงการรับเหมาก่อสร้าง ว่า ตนพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเก็บกวาดบ้านของตัวเองก่อน ดังนั้นในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทันทีที่ทราบได้โทรศัพท์หาผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายวีระชาติ เพราะมีหลายกรณีที่มีลักษณะคล้ายแบบนี้ ทางผู้ใหญ่หลายคนโทรมาหาตน ตนก็โทรหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่าขอให้พักการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดบอกว่ากำลังดูข้อกฎหมายอยู่ และคิดว่าสุดท้ายก็ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่

“แต่อยากจะบอกว่าการพักปฏิบัติหน้าที่ของทุกแห่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะต้องเอารองนายกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นขึ้นมารักษาการแทน ทำให้ท้องถิ่นนั้นอยู่ “ซังกะตาย” จนกว่าจะครบวาระ หากผู้บริหารสามารถกลับเข้ามาในช่วงวาระได้ คดีหลุดก็กลับมาเป็นต่อ แต่บางคนก็สู้คดีจนหมดวาระ ทั้งนี้ลูกเขยของผม หลังถูกจับก็ได้รับการประกันตัวมา เจอผมก็ขอโทษ ซึ่งได้บอกไปว่าไม่ต้องพูดอะไร เราครอบครัวเดียวกัน แต่สิ่งที่จะต้องทำคือ จะต้องลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี จะให้จังหวัดจัดการเลือกตั้งใหม่ เพราะหากไม่ทำแบบนี้แล้วรอพักการปฏิบัติหน้าที่จะถือว่าไม่เป็นธรรมกับคนในพื้นที่ และเอาเปรียบ ปล่อยพี่น้องประชาชน ต.ตลุกดู่ ซึ่งลูกเขยก็ลาออกไปแล้วเมื่อเวลา 23.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา ดังนั้นในวันนี้ก็ต้องรอจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ใครจะลงสมัครรับเลือกตั้งก็ว่ากันไป ถือว่าเป็นมาตรฐานของสังคมไทยทางการเมืองท้องถิ่น” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว


นายชาดา กล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามมาตรฐาน นายวีระชาติลาออกเมื่อเวลา 23.00 น.แล้ว ให้ประชาชนไปเลือกตั้งต่อ ไม่ใช่บอกว่าคดียังไม่สิ้นสุด คนที่ไปจับก็เสียความรู้สึกว่า อะไรจับมาวันนี้ พรุ่งนี้ไปเป็นนายกฯ ต่อ แต่เขามีสิทธิ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) โทรหาตนว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือนในคดีอื่นๆ ในคดีนี้ซึ่งตนก็เห็นว่าควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะถ้ายังอยู่ในตำแหน่ง ถือถ่วงความเจริญละไม่มีสปริตทางการเมือง เป็นการเอาเปรียบพี่น้องตำบลตลุกดู่เพื่อลาออกเทศบาลจัดการเลือกตั้งได้ทันที จังหวัดดำเนินการเลือกตั้งในทันที นี่คือสิ่งที่ตนทำในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และในฐานะเขาเป็นคนใกล้ชิดตน ต้องแสดงสปริตมากกว่าคนอื่น และสิ่งที่สำคัญจับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า แล้วจะให้ทำอย่างไรครับ ด้วยความเคารพจริงๆ ครอบครัวตนไม่มีปัญหา ในฐานะพ่อโอบกอดลูกทุกคนด้วยความรัก ความอบอุ่น แล้วก็เดินไปด้วยกัน แม้ทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ครอบครัวเรารักกัน และตนหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ขอร้องว่าอย่านำรูปลูกหลานของผมมา หรือใช้ AI หรือใช้อวตาร ไม่ว่าด้อมไหน อย่านำมาออกข่าว หากต้องการด่าผมก็ด่าได้ มีสิทธิ์จะด่านายชาดา กรณีที่เกิดขึ้นแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่วันหนึ่งจะเสียใจที่ด่าผม ขอย้ำว่าอย่านำรูปลูกหลานผมมาออก จะเกิดสงคราม Social หากหาอวตารไม่เจอ ก็เอาคนที่อยู่เบื้องหน้า นามสกุลอะไรบ้าง ลูกหลานนามสกุลอะไร ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นประเภทนี้จะเกิดอะไรขึ้น วันนี้เราต้องรักและสามัคคีกัน ขอให้สำนึกว่า วันนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีก็ปวดหัวทุกวันกรณีของอิสราเอล ดังนั้นไม่ควรมาด่ากันอยู่ในประเทศ ขออย่าทำอะไรที่ไม่สร้างสรรค์” นายชาดา กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เบื้องหลังการถ่ายทอดขบวนเรือพระราชพิธีฯ

วันที่ 27 ตุลาคม 2567 ประเทศไทยมีพระราชพิธีสำคัญคือ พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

ข่าวแนะนำ

“มาดามอ้อย” โผล่กองปราบฯ ให้ปากคำเพิ่มคดีถูกทนายดังฉ้อโกงเงิน

คณะทำงานคดีทนายดังฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ประชุมคืบหน้าคดี คาดหลังการประชุมจะมีความชัดเจนขึ้น ขณะที่ “มาดามอ้อย” โผล่กองปราบฯ ให้ปากคำเพิ่มเติม

บอสกันต์

ทนายบอสพอล พบ “กันต์” ครั้งแรก-รวมทีมทนายสู้คดี

ทนายบอสพอล เตรียมพูดคุยกับ “บอสกันต์” ครั้งแรก หลังได้รับแต่งตั้งเป็นทนายทั้ง “บอสพอล-บอสกันต์-บอสแซม” ส่วน “บอสมิน” มีทนายอีกชุดดูคดี พร้อมเตรียมยื่นนำพยานแม่ข่ายกว่า 2,000 คน ให้ดีเอสไอสอบ