สงขลา 31 ต.ค. – สลด ลูกเขยยิงแม่ยายบาดเจ็บ แค้นถูกพรากเมีย บอกกำลังจะมีคนมาสู่ขอเมีย ทั้งที่อยู่กินกันมา 13 ปี
เมื่อคืนนี้ ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งเหตุ ยิงกันในบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เกิดเหตุ พบ ผู้บาดเจ็บเป็นหญิงชื่อ น.ส.นฤมล อายุ 55 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืน.38 เข้าปากทะลุแก้มบาดเจ็บ จนฟันหลุด ส่วนคนยิง คือ นายอดิศร อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นลูกเขย หลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีเข้าป่า เนื่องจากช่วงจังหวะกำลังจะวิ่งหนีไปขึ้นรถกระบะ ที่จอดไว้ริมถนนข้างบ้าน ได้ถูกญาติๆ ขว้างก้อนหินใส่ จนต้องหนีเข้าป่าแทน โดยตำรวจระดมกำลังปิดล้อมพื้นที่เพื่อหาตัว พร้อมใช้โดรนบิน นานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบตัว เพราะสภาพแวดล้อมมืดมาก แต่สุดท้าย ผู้ก่อเหตุ ทนต่อแรงกดดันไม่ไหว เข้ามอบตัวในที่สุด
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมชี้จุดที่นำปืนที่ก่อเหตุไปทิ้งไว้ ปรากฏว่า ระหว่างทำแผน พี่ชายของผู้บาดเจ็บ ด้วยความโกรธ ได้ปรี่เข้ามาจะทำร้ายผู้ก่อเหตุ แต่ตำรวจช่วยห้ามปรามเอาไว้ ก่อนที่สุดท้ายจะเป็นลม-หน้ามืด ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น กู้ชีพต้องรับช่วยปฐมพยาบาลและพาตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่
นายอดิศร เล่าถึงปมเหตุให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ต้นตอของเรื่องนี้มาจากการที่แม่ยายพาลูก-เมียของตนกลับมาอยู่ที่บ้าน เพื่อให้ห่างกันและบอกว่ากำลังจะมีคนมาขอเมียตนแต่งงานเพราะอยู่กับตนลำบาก ซึ่งตนช็อกมากเพราะอยู่กินกันมา 13 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน อายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี ทั้งที่ ตนกับเมียก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน ก่อนให้แยกกันอยู่มาได้ 2 เดือน
โดยตอนแรก ตนเองไม่รู้ว่ามีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พอมีคนมารับเมียรับลูกไปกินข้าว ทำให้รู้สึกเจ็บจาก ๆ จนกระทั่งแม่ยาย บอกว่า จะมีคนมาสู่ขอเมียตน ซึ่งฟังแล้วมันแทงใจดำมาก ประกอบกับ ตนเองขอแม่ยายพูดคุยกับเมีย แต่แม่ยายปฏิเสธ ด้วยความเสียใจจึงขับรถไปหาเมียที่บ้านแม่ยาย ตอนแรก ไม่ได้จะมายิงแม่ยาย แต่จะมายิงตัวเอง แต่ด้วยความเจ็บใจ ที่แม่ยายไล่ให้กลับจึงก่อเหตุแบบไม่คิด ยืนยัน ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เสียใจยอมรับผิด ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ตอนนั้นห้ามใจตัวเองไม่ได้ ถ้าย้อนเวลากลับได้จะไม่ทำ
ทั้งนี้นายอดิศร ถูกแจ้ง 4 ข้อหาคือพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ, มีอาวุธปืนซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรเร่งด่วน .-สำนักข่าวไทย