แรงงานไทยในอิสราเอลดับเพิ่มเป็น 18 ราย

ก.รต่างประเทศ 10 ต.ค.-กต.เผยยอดแรงงานไทยเสียชีวิตเพิ่มเป็น 18 คน เร่งส่งลอตแรก 15 คนถึงไทย 12 ต.ค. อีก 80 คน 18 ต.ค. ยันช่วยทั้งที่ไปถูกกฎหมาและผิดกฎหมาย


นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยที่ประสบภัยจากความไม่สงบ ในหลายพื้นที่ของรัฐอิสราเอลว่า ตัวเลขที่ได้รับรายงานล่าสุดจากเทลอาวีฟ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 6 คนรวมเป็น 18 คน ซึ่งเป็นการได้รับแจ้งจากนายจ้าง ผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย  ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวยังมี 11 รายเหมือนเดิม ขณะนี้ได้อพยพแรงงานออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยระยะ 4 กิโลเมตร โดยกองทัพอิสราเอลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามใช้เทคโนโลยีติดตามผู้สูญหาย โดยร่วมมือกับทางการอิสราเอลและภาคเอกชน ซึ่งสถานทูตอยู่ระหว่างการร่วมมือกับตำรวจส่งรายชื่อเพื่อให้ญาติสามารถติดต่อได้

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เอกอัครราชทูตมาเลเซียได้คุยกับฝ่ายปาเลสไตน์และทูตที่อื่นก็ชาวกยันประสาน พยายามหาหนทางเจรจาเพื่อให้ยุติความรุนแรง ซึ่งนายปานปรีย์ พหิทรานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอลเมื่อค่ำวานนี้(9 ต.ค.) ซึ่งทางการอิสราเอลได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ และให้คำมั่นจะพยายามดูแลคนไทยและชาติอื่นเช่นเดียวกับดูแลคนในชาติของตนให้ดีที่สุดและมั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้


“นายปรานปรีย์แจ้งย้ำว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของคนไทย และจะขอให้ทำทุกวิถีทางช่วยปกป้องพี่น้องคนไทยและช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด พร้อมขอให้ทางการอิสราเอลตรวจสอบและยืนยันข้อมูลผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างเป็นทางการในโอกาสแรกด้วย ส่วนผู้ถูกจับตัวประกันนั้น จากที่หารือฝ่ายต่าง ๆ เท่าที่ทราบ หวังว่าไม่น่าจะทำร้ายคนต่างชาติ เพราะไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้องและคงไม่ขยายความขัดแย้ง แต่ในชั้นนี้ต้องรอดูเหตุการณ์ต่อไป” นางกาญจนา กล่าว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานทูตเทลอาวีฟจะส่งแรงงานไทยเดินทางกลับในวันที่ 11 ตุลาคม ซึ่งเป็นรายงานไทยที่บาดเจ็บและแรงงานที่เคลื่อนย้ายจากที่ปลอดภัยรวมเป็น 15 คน โดยจะเดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 10.35 น. วันที่ 12 ต.ค.นี้ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะไปรับและให้กำลังใจ ส่วนเที่ยวบินที่สองในวันที่ 18 ต.ค. จำนวน 80 คน ขณะนี้แรงงานที่ลงทะเบียนขอเดินทางกลับจำนวน 3,226 คน 

ด้านน.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ร่วมแถลงผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ แสดงความเสียใจกับผู้ประสบภัยในครั้งนี้และส่งกำลังใจให้กับญาติของแรงงานไทยในพื้นที่ ยืนยันสถานทูตไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามทำทุกวิถีทางระดมสรรพกำลังติดตามและติดต่อกับพี่น้องแรงงงงานไทยในพื้นที่ แต่ขณะนี้ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งมีการแบ่งโซนเป็นสีแดง สีส้มและสีเหลือง การช่วยเหลือจะต้องเข้าไปทีละโซน จึงตระหนักดีถึงความเดือดร้อนและได้ประสานกับทางการอิสราเอลว่ามีคนไทยอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ขอให้ทางการอิสราเอลช่วยติดตาม ซึ่งต้องใช้เวลาจะจัดลำดับไปตามโซน ทุกเรื่องต้องใช้เวลาและขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจในข้อจำกัดนี้ด้วย


“กลุ่มแรกที่จะกลับไทย 15 คนในวันที่ 12 ต.ค. ยืนยันว่าออกจากกรุงเทลอาวีฟในวันที่ 11 ต.ค.แน่นอน ซึ่งสถานทูตจะจัดรถไปรับหรือจะให้นายจ้างมาส่งหรือติดต่อให้รถเหมามาเพื่อมาขึ้นเครื่อง และจะไปตั้งเคาน์เตอร์ที่สนามบิน ออกเอกสารการเดินทางให้แรงงานก่อนขึ้นเครื่อง ยืนยันว่าเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พี่น้องแรงงาน 15 คนนี้ขึ้นเครื่องไป ยกเว้นเหตุสุดวิสัยคือสนามบินปิด มั่นใจว่า 15 คนแรกจะได้กลับแน่นอน ส่วนที่จะเดินทางกลับ 80 คนก็ยังยืนยัน ขณะนี้ได้ขอให้เจ้าหน้าที่โทรกลับพี่น้องทุกคนที่ลงทะเบียนเพื่อยืนยันข้อมูลสำหรับใช้ในการจองตั๋วเครื่องบินหรือประสานเรื่องการเดินทางมาขึ้นเครื่อง จะพยายามอย่างดีที่สุด” เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าว

น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนในการประสานเดินทางกลับ อันดับแรกเปิดให้ลงทะเบียน แต่ถ้าไม่สามารถลงได้ก็มีโทรศัพท์ Hot Line ที่ให้ติดต่อเข้ามา ได้ตลอดเวลาและกำลังจะให้เพิ่มคู่สาย ขณะเดียวกันมีทีมที่โทรกลับสำหรับคนที่ส่งข้อความไว้ แรงงานที่อพยพจะจัดลำดับความสำคัญ เพราะมีพี่น้องแรงงานหลายคนที่เกิดความหวาดกลัวอยากจะกลับด้วย แต่จะขออนุญาตส่งผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับก่อน

“สำหรับผู้ที่ไม่มีเอกสารเดินทางติดตัวสถานทูตได้เตรียมพร้อมเอกสารการเดินทางให้กับแรงงาน ก่อนออกเดินทางทุกครั้งจะไปที่สนามบินก่อน 4-5 ชั่วโมง เพื่อทำเอกสารการเดินทาง และเตรียมอาหาร น้ำไปให้กับพี่น้องแรงงานด้วย ขอยืนยันว่าจะดูแลให้ดีที่สุดและจะทำทุกอย่างให้ราบรื่นที่สุด” เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าว

ส่วนความปลอดภัยของแรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกัน น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งรัฐบาลและหลายหน่วยงานกำลังประสานผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ในพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นประเด็นเรื่องความมั่นคง เราก็พยายามติดตามและตนได้ติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพอิสราเอล รวมทั้งช่องทางต่าง ๆ ด้วยว่า หวังว่าแรงงานไทยและชาติอื่น ๆ จะได้รับความช่วยเหลือออกมา อย่างปลอดภัยโดยเร็ว

“ส่วนพิกัดของตัวประกัน ยังไม่มีข้อมูลจริง ๆ และได้พยายามสอบถามกับทางการต่อเนื่องว่าพอจะทราบหรือไม่ แต่อิสราเอลก็ขอโทษจริง ๆ ยังไม่ทราบหรืออาจยังไม่บอก เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติงาน ได้พยายามทางการทูตประสานให้ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ส่วนข่าวว่าแรงงานไทยถูกจับตัวไปหลาย100 คนนั้น เป็นจำนวนของคนทุกชาติ รวมทั้งอิสราเอล ในสถานการณ์พิเศษแบบนี้ ยืนยันว่าสถานทูตจะดูแลพี่น้องแรงงานทุกคนทั้งที่ไปถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย หากลงทะเบียนขอกลับ เราช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม แต่ขอจัดลำดับส่งผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดก่อนและจะทยอยส่งกลับ พยายามหาเครื่องบินพาณิชย์อื่น ๆ เพิ่มเติมอาจจะได้ 2-3 คน แต่เราก็จองหมดให้ได้เร็วที่สุดและมากที่สุด” เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าว

ส่วนที่มีข่าวการขายแรงงานที่ได้รับการช่วยเหลือออกจากที่เสี่ยงภัยสูงสุดไปส่งให้นายจ้างใหม่เพื่อได้ทำงานต่อ น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า ได้ติดต่อกับทางการอิสราเอลเรื่องนี้แล้ว โดยนำแรงงานจากพื้นที่ที่เสี่ยงภัยและนำไปฝากไว้ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและ นายจ้างเหล่านั้นก็ให้ไปทำงาน เป็นการให้แรงงานได้ย้ายงานทำ เพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีพ แต่ในส่วนของสถานทูตได้ประสานไปแล้ว

เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าวถึง การนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ว่า ทางการอิสราเอลขอให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้มีชีวิตอยู่และติดอยู่ในพื้นที่อันตรายเสี่ยงภัยก่อน กำลังคนของอิสราเอลที่ปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ มีจำกัด เพราะถูกให้ไปเป็นทหารกันหมดแล้ว ในส่วนของผู้เสียชีวิตจึงยังไม่สามารถระบุชื่อได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทียบกับเหตุการณ์รุนแรงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทางการอิสราเอลใช้เวลาในยืนยันตัวตนและทำเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องบันทึกว่าบุคคลเหล่านี้เป็นผู้เสียชีวิตจากสงครามและเป็นผู้ที่ให้เงินช่วยเหลือมีหลายขั้นตอนกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด และในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 คนแล้ว ซึ่งมากกว่าครั้งที่แล้ว ย่อมต้องใช้เวลาแน่นอน ยืนยันว่าพยายามอย่างเต็มที่เช่นกัน แต่ตอนนี้ขอช่วยผู้ที่รอดชีวิตให้รอดพ้นจากอันตรายก่อน

เมื่อถามย้ำว่าจากการสืบทางลับแรงงานที่ถูกจับตัวไปปลอดภัยดีหรือไม่  น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า ยอมรับว่าไม่ทราบข้อมูลจริง ๆ แต่ขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนไทยและตัวประกันทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แต่ทางการอิสราเอลได้ให้ความมั่นใจว่าจะพยายามช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง