ประจวบคีรีขันธ์ 23 ก.ย.-กรณีกลุ่มคนร้ายอ้างตัวเป็นตำรวจบุกอุ้มตัวสาวใหญ่ ใช้ถุงคลุมหัวจับขึ้นรถเรียกค่าไถ่ 3 แสนบาท ขู่หากไม่ให้เงินจะยัดยาดำเนินคดี ญาติต่อรองขอจ่าย 2 แสน แลกปล่อยตัว ตอนนี้ยังผวา หวั่นไม่ปลอดภัย
นางพัชรี ถูกกลุ่มคนร้ายใช้ผ้าดำคลุมหัวนำตัวขึ้นรถไปเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา คนร้ายอ้างตัวเป็นตำรวจภูธรภาค 7 ข่มขู่ว่ามีผู้ค้ายาเสพติดซัดทอดว่านางพัชรีว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด พร้อมกับเรียกเอาเงิน 300,000 บาท แลกกับการปล่อยตัว หากไม่ยินยอมจะถูกยัดยา 1,000 เม็ด แล้วส่งส่วนกลางให้ดำเนินคดี คนร้ายโทรศัพท์ติดต่อลูกสาวของนางพัชรีเรียกเงินค่าไถ่ ต่อรองขอจ่าย 2 แสน จนต้องระดมเงินจากญาติพี่น้องนำไปมอบให้ ก่อนที่คนร้ายจะยอมปล่อยตัว เวลาประมาณ 21.30 น. ของคืนวันเกิดเหตุ
หลังถูกปล่อยตัวนางพัชรี ได้เข้าแจ้งความ ที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ในวันรุ่งขึ้น พร้อมร้องเรียนกับสื่อมวลชนให้ติดตามไปทำข่าวขณะพาชี้จุดที่ถูกอุ้ม เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นางพัชรี (ผู้เสียหาย) เล่าว่า วันเกิดเหตุ หลังขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งหลานที่โรงเรียน ห่างจากบ้านพักเพียง 50 เมตร คนร้ายได้ขับรถยนต์เข้ามาปาดหน้าก่อนใช้ผ้าสีดำคลุมหัว อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตนจึงไม่ได้ขัดขืน ระหว่างถูกคุมตัวอยู่ภายในรถ กลุ่มชายฉกรรจ์ได้มีการพูดคุยกันแล้วหลุดปากเรียกชื่อเพื่อนร่วมทีมออกมาว่า “แงะ เอาไงต่อ” โดยกลุ่มชายฉกรรจ์คนหนึ่งใช้อาวุธปืนจ่อไว้ที่หัวของตนพร้อมกับใช้แขนล็อกคอไว้ตลอดเวลา ระหว่างนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ส่งโทรศัพท์ให้ตนพูดกับลูกสาว ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่าเอาเบอร์ลูกสาวมาจากไหน ด้วยความกลัวจึงพูดกับลูกสาวให้นำเงิน 3 แสนบาท มาไถ่ตัวแม่ออกไป หลังจากนั้นต่อรองขอจ่าย 2 แสน พร้อมแหวนทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 2 สลึง ราคาประมาณ 20,000 บาท ก่อนที่คนร้ายจะยอมปล่อยตัวออกมา
สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา โดยผู้เสียหายมีความประสงค์แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายแงะและพวกอีก 3 คน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด จนท.ตำรวจ ได้ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป และหากมีการตรวจสอบแล้วพบว่า ”นายแงะ” เป็นผู้กระทำความผิดในคดีนี้และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ผู้เสียหายมีความประสงค์จะให้โอนคดีไปที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) ต่อไป
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุย ผู้เสียหายยอมรับยังขวัญผวา รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัว ไม่รู้วันดีคืนดีจะมีคนมาข่มขู่หรือเอาปืนมายิง ขณะนี้เวลาจะอาบน้ำหรือทำอะไรก็ต้องคอยล็อกประตู เพราะหลานยังเล็กอยู่ ยืนยันว่าระหว่างถูกอุ้ม ได้ยินเสียงคนร้ายคุยกันถึงคนที่ชื่อ “แงะ” ย้ำตนเองและครอบครัวไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด.-สำนักข่าวไทย