ลำปาง 5 ส.ค.-ทีมแพทย์ทำการุณยฆาตฉีดยาให้ “พังสีเวย” วัย 65 ปี จากไปอย่างสงบ หลังเข้ารักษาตัวที่มูลนิธิเพื่อนช้างได้ 20 วัน ด้วยอาการท้องผูก ด้านสัตวแพทย์เตือนเจ้าของช้างระมัดระวังการให้อาหารในช่วงนี้
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ช่วงเวลา 23.00 น. พังสีเวยถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลมูลนิธิเพื่อนช้าง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยพบว่าช้างมีอาการซึม ไม่กินอาหาร ไม่กินน้ำ ไม่ถ่าย และไม่ผายลม วัดอุณหภูมิได้ปกติ แต่ชีพจรเต้น 37 ครั้ง/นาที (มากกว่าปกติเล็กน้อย) เบื้องต้น หมอฉีดวิตามินให้ 1 เข็ม ให้สารน้ำ 30 ลิตร ฉีดยากระตุ้นระบบทางเดินอาหาร ฉีดยาลดปวดเกร็งในช่องท้อง ทำการล้วงสวนเจอเศษหญ้า
วันต่อมาหลังกินมะขามเปียก กล้วย “พังสีเวย” ถ่ายออกมาเอง 1 กอง เป็นก้านหญ้าแก่ ต้นข้าวโพด ใบข้าวโพด และกล้วยที่ไม่ย่อย จากนั้นได้รักษาตามอาการมาโดยตลอด ทั้งให้ยาปฎิชีวนะ การประคบสมุนไพร สวน ฯลฯ โดยมีทีมสัตวแพทย์ของสถาบันคชบาลแห่งชาติมาช่วยในการรักษาด้วย
สุดท้าย เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นการรักษาครบ 20 วัน อาการพังสีเวยไม่ดีขึ้นและเริ่มทรุดจึงทำการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ พบว่าลำไส้ใหญ่ มีการฉีกขาด (แตก) มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ช้างอยู่ได้ถึงทุกวันนี้เนื่องจากการคุมการติดเชื้อและได้สารน้ำทุกวัน แต่หากปล่อยนานกว่านี้ช้างจะทรมาน ลำไส้ที่ขยายใหญ่ดันไปกดช่องอก ทำให้ช้างหายใจไม่ออกและช็อกเสียชีวิต จากปัญหาดังกล่าวเพื่อไม่ให้พังสีเวยซึ่งอายุมากต้องทนทรมานอีกต่อไปจึงนำความเห็นของทีมแพทย์ประสานเจ้าของช้างและยินยอมให้ฉีดยาให้พังสีเวยจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเศร้าของทีมแพทย์ที่รักษา
ทั้งนี้สัตวแพทย์หญิงเครือทอง ขยัน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้างมูลนิธิเพื่อนช้าง ได้เตือนเจ้าของช้างในช่วงนี้ ระมัดระวังการให้อาหารช้าง และระวังการนำช้างไปหาอาหารกินเอง ช้างอาจกินอาหารย่อยยากเข้าไป หากช้างอายุมากควรบดอาหารให้ช้าง ไม่ควรนำอาหารย่อยยาก เช่น ต้นข้าวโพด ก้านหญ้า ทางมะพร้าว ต้นกล้วย เถาวัลย์ จะย่อยยากและเกิดปัญหา ช้างเกิดอาการท้องผูกถ่ายไม่ออกเกิดความทุกข์ทรมานและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้.-สำนักข่าวไทย