กรุงเทพฯ 28 ก.ค.- อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เหตุปล่อยรีสอร์ตบุกรุกเขตอุทยานฯ กำชับให้เร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแนวเขต บริเวณใกล้ผาหัวสิงห์ภูทับเบิก
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า ได้ออกคำสั่งโยกย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อให้ไปทำหน้าอื่น พร้อมกับแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่มีนักท่องเที่ยวโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูทับเบิก โพสต์ในโซเชียลว่า พบการก่อสร้างรีสอร์ตและอาคารที่พักใกล้กับผาหัวสิงห์ ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ทำให้บดบังทัศนียภาพอันสวยงามทางธรรมชาติของผาหัวสิงห์
ทั้งนี้ได้รับรายงานจาก นายโกเมศ พุทธสอน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 ว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.18 (น้ำชุน) เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่กองร้อย อส.อ.หล่มเก่า ได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่ถูกบุกรุก ในท้องที่บ้านน้ำเพียงดิน หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีรีสอร์ตก่อสร้างบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ 2 แห่งคือ
- ภูทับเบิกสวนสวรรค์ มีการปลูกสร้างขยายจากพื้นที่เดิม พบถูกบุกรุก เนื้อที่ 1 – 2 – 69 ไร่ และมีการก่อสร้างอาคารที่พักรุกล้ำเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ จำนวน 4 รายการ ประกอบด้วย โดม จำนวน 5 หลัง แคร่ไม้ไผ่ เพื่อใช้ในการกางเต็นท์ ขนาด 4 x 4 เมตร จำนวน 15 แคร่ บ้านพักถาวร ขนาด 5 x4 เมตร จำนวน 4 หลัง แคร่พื้นยิปซั่ม ขนาด 3.6 x 3.6 เมตร พร้อมราวเหล็ก จำนวน 3 แคร่
- กู๊ดวิว-ฮอตวิว สวนสวรรค์ภูทับเบิก มีการบุกรุก พื้นที่ 0 – 2 – 82 ไร่ เพื่อใช้เป็นลานกางเต็นท์
สำหรับรีสอร์ตทั้ง 2 แห่งนี้สร้างออกนอกเขตที่ได้รับอนุญาต จึงตรวจยึดดำเนินคดี ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 19 (1) ฐานยึดถือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม และความผิดตามมาตรา 19(6) ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 คณะเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐาน ส่งพนักงานสอบสวน สภ. หล่มเก่า เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
นายอรรถพลกล่าวว่า ได้ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตรวจสอบกรณีดังกล่าว หากพบว่า มีการกระทำผิดทุจริตเกิดขึ้นจริง จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดแก่ผู้เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้สั่งการให้เร่งดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกเขตอุทยานฯ ตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป. – สำนักข่าวไทย