ตึกไทยซัมมิท 25 ก.ค.-“ชัยธวัช” ยังเชื่อใจเพื่อไทย ขออย่ารีบสรุป 8 พรรคแตกหรือถ้าไม่จับมือขั้วเก่าแล้วจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ค้านให้ศาลรธน.ตีความโหวต “พิธา” ซ้ำ เป็นเรื่องที่สภาฯ หาทางออกเอง
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ยกเลิกการประชุมร่วม 8 พรรคที่ร่วมการจัดตั้งรัฐบาล ในวันนี้ (25 ก.ค.) ว่า ได้รับแจ้งจากพรรคเพื่อไทยว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ในการประสาน สส. และ สว. ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ขณะเดียวกันทราบว่าจะมีการยกเลิกการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค. ด้วย ส่วนท่าทีของพรรคไทยสร้างไทยที่บอกว่าไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 ไม่ถือเป็นสัญญาณอะไรในการจับมือกันของ 8 พรรคร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพราะสิ่งที่คุยกันมาตลอด ตั้งแต่ตอนทำ MOU คือเรื่องของการแก้ไขมาตรา 112 ไม่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงในการร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว อย่าเพิ่งรีบสรุปว่า 8 พรรคเริ่มแตกกัน
ส่วนที่มีข้อเสนอให้พรรคเพื่อไทยทำ MOU ใหม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ขอให้รอฟังจากพรรคเพื่อไทยดีกว่า ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรมา และทั้งหมดจะต้องดูในรายละเอียด คิดว่าการที่พรรคเพื่อไทยขอเลื่อนการประชุม 8 พรรคไปก่อนเป็นการสะท้อนถึงความพยายามหาทางออกต่าง ๆ ให้ดีที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน การทำงานร่วมกันก็ต้องมีความไว้ใจกัน
สำหรับกรณีที่พรรคก้าวไกลประกาศไม่ร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ได้แจ้งไปยังพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะทราบจากข่าวแล้ว ตามมติของที่ประชุม สส.พรรคก้าวไกลเป็นอย่างไร วันนี้หากได้ประชุมร่วม 8 พรรคก็จะแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการ แล้วก็ตามพรรคก้าวไกลยังคงยึดมั่นในเป้าหมายสำคัญที่สุดคือความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้พื้นฐานของ 8 พรรคการเมืองให้สำเร็จตามเจตจำนงที่ประชาชนได้แสดงออกไปแล้วผ่านการเลือกตั้ง
“ส่วนร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่นั้น ขอให้รอฟังรายละเอียดจากพรรคเพื่อไทยก่อน แม้จะเชิญหลายพรรคการเมืองมาพูดคุยกัน แต่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่ได้เชิญมาร่วมตั้งรัฐบาล เพียงแต่รับฟังความคิดเห็น ดังนั้น หลังจากนี้คงจะได้พูดคุยกันเร็วที่สุด เพราะเวลามีจำกัด แต่เมื่อทางเพื่อไทยยังไม่พร้อม ก็อาจขยับเวลาไปอีกนิดหน่อย” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากการจัดตั้งรัฐบาลตกไปอยู่ในมือพรรคอันดับ 3 นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่ค่อยกังวล หากแต่พรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจับมือกันแน่น ปั่นพลิกขั้วรัฐบาลจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ และเชื่อว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภา ฉะนั้นวันนี้ยังต้องพยายามจับมือกันให้แน่น คิดว่าสิ่งที่ทำให้พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคจับมือกันแน่นคือประชาชน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ทราบว่ามีข้อเสนอ มากี่ Option บ้าง จากพรรคเพื่อไทยที่จะมาพูดคุยกัน
นายชัยธวัช กล่าวถึงการประสานขอเสียงสนับสนุนจาก สว. ว่าได้พูดคุยกับ สว. ที่ไม่ได้โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล มีสัญญาณดี ๆ จากหลายคน ว่าพร้อมจะโหวตให้ แม้ว่าพรรคก้าวไกลยังร่วมรัฐบาลอยู่
สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้วินิจฉัยกระบวนการตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีจุดยืนมาโดยตลอดว่าอะไรที่เป็นอำนาจของสภาอยู่แล้ว ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญมามีอำนาจเหนือสภา ยกเว้นเรื่องที่รัฐธรรมนูญกำหนดชัดว่าให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การพยายามให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ สส.พรรคก้าวไกลไม่ไปยื่นเรื่องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมีคนยื่นไปแล้วก็ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณาหรือไม่
“ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องไว้ ยังเชื่อว่าสภาฯ จะมีทางออกอื่น ซึ่งคงต้องหารือกับประธานรัฐสภาต่อไปเมื่อมีความเห็นชัดเจนมากจากนักกฎหมายทั่วประเทศว่ามติการตีความข้อบังคับ การประชุมรัฐสภา ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซ้ำ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สามารถที่จะมีทางออก ที่สภาฯ จะจัดการกันเองได้ ผมเห็นด้วยที่จะปลดล็อกกับมติที่พรรคก้าวไกลเห็นว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะจะเป็นข้อจำกัดในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคก้าวไกล เพื่อไทยหรือมาจากพรรคอื่นก็ควรจะเสนอชื่อได้ ครั้งแรกเราอาจจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว.ไม่พอ ครั้งต่อ ๆ ไปอาจจะมากขึ้นตามลำดับได้ เราเห็นด้วยที่จะปลดล็อกเรื่องนี้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ช่องทางของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ผมเชื่อว่าถ้าทางรัฐสภาปรึกษาหารือฝ่ายกฎหมายดี ๆ เราอาจจะมีทางออกอื่น คิดว่ากระบวนการประชาธิปไตยต้องมีทางออก จะตีความว่าทุกอย่างไปสู่ทางตันไม่ได้” นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนข้อเสนอที่ให้เลื่อนเวลาโหวตเรื่องนายกรัฐมนตรีออกไปจนกว่าวุฒิสภาจะหมดวาระนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่าข้อเสนอที่ให้รอ 10 เดือนนั้น เป็นการสะท้อนความรู้สึกของประชาชนจำนวนไม่น้อย ที่รู้สึกว่ารอได้ กับการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นไปตามความต้องการของประชาชน แต่ระยะเวลา 10 เดือนก็อาจจะนานเกินไป ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือหากระบวนการเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ ประเทศไม่ได้ถึงทางตันขนาดนั้น และหากปลดล็อกมติข้อบังคับการประชุมรัฐสภาจะช่วยได้มาก ซึ่งอาจจะไม่ได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยอาจจะใช้เวลามากสักหน่อย แต่สามารถจะตั้งรัฐบาลที่มีความชอบธรรมทางการเมืองได้ เป็นที่ยอมรับของประชาชน มีเสถียรภาพทางการเมือง ได้รัฐบาลที่มีศักยภาพที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตยกลับมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อว่าประชาชนต้องการที่สุด
“ขออย่าสรุปว่าถ้าไม่รีบไปจับมือกับขั้วอำนาจเดิม จะไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ต้องรอไป 10 เดือน คนยังเชื่อว่าถ้า 8 พรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล ถ้าจับมือกันแน่น ไม่มีทางที่จะเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ และยังเชื่อว่าสุดท้ายเมื่อถึงจังหวะหนึ่ง สว. น่าจะมีวิจารณญาณมากพอ ที่ไม่ต้องการฝืนความรู้สึกของสังคม ดังนั้น ต้องช่วยกันหาทางออกให้กับการเมือง พรรคก้าวไกลพยายามให้ดีที่สุดที่จะจัดตั้งรัฐบาลจากการเลือกตั้งให้ได้” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจเดินออกมาเองหรือรอให้พรรคเพื่อไทยปรับออก นายชับธวัช กล่าวว่า วันนี้ที่พรรคก้าวไกลส่งไม้ต่อให้กับพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ถ้าถึงสถานการณ์สุดท้ายจริง ๆ ไม่มีทางออกอื่นตนคิดว่า เป็นสิทธิ์ที่พรรคเพื่อไทยจะเลือก ว่าจะเลือกสมการจัดตั้งรัฐบาลแบบไหนแต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลเลือกคือจัดตั้งรัฐบาลให้ดีที่สุด ให้การจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชนเป็นไปได้ ฉะนั้นต้องรอฟังพรรคเพื่อไทย
สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยระบุว่าพรรคก้าวไกลต้องเสียสละนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันใน 8 พรรค ไม่กังวลว่าจะมีปัญหาอะไรในอนาคต
นายชัยธวัชกล่าวถึงกระแสดราม่าเรื่องท่านั่งของ น.ส.รัชนก ศรีนอก สส.กทม. ระหว่างการประชุมรัฐสภาว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด แต่แน่นอนว่าหากมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่อความประพฤติ หรือการทำอะไรที่ไม่เหมาะสมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล เราก็จะสะท้อนให้สมาชิกฟังทุกครั้ง.-สำนักข่าวไทย