ทำเนียบ 25 พ.ย.- นายกฯ ขอบคุณ ศปช.ทำงานเชิงรุก เตรียมเคาะแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมเชียงใหม่-เชียงราย ชง ครม.สัญจร ย้ำ!ต้องเสร็จก่อนฤดูฝนปีหน้าอย่าให้ท่วมซ้ำ พร้อมสั่งการ “บิ๊กอ้วน” ดูแลกำลังพลเรื่องเงินเยียวยา
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศปช. ดูแลเยียวยากำลังพลทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบอุทกภัย ซึ่งบางส่วนได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ประสบภัย แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาเนื่องจากติดขัดเรื่องข้อจำกัดระเบียบทางราชการ
“หน่วยทหารได้ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ส่วนหน้ามาตลอด ซึ่งกำลังพลก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา 9,000 บาท ที่ประชุม ศปช. ได้เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงกลาโหม รวบรวมรายชื่อหน่วยงานกำลังพล ส่งให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหารือแนวทางดำเนินการกับกรมบัญชีกลางอย่างใกล้ชิด โดยขอให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของกำลังพลที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว”
ทั้งนี้ ผอ.ศปช. ติดตามความคืบหน้าของคณะทำงานศึกษาวางแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เป็นประธาน เพื่อกำหนดแนวทางป้องกันปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ – เชียงราย ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนในปีที่ผ่านมา
นายจิรายุ กล่าวว่านายกรัฐมนตรีได้ชื่นชม ศปช. ที่ทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตให้กับประชาชน โดยวันนี้ ที่ประชุมได้วางแผนการทำงานในระยะเร่งด่วนซึ่งจะต้องเร่งให้เสร็จทันก่อนฤดูฝนปีหน้า หรือแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. 68 โดยจะเร่งขุดลอกแหล่งน้ำ และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งวันนี้ส่วนที่เกี่ยวข้องเสนอแผนเข้ามาได้เห็นชอบในหลักการและเสนอเข้าที่ประชุม ครม.สัญจรในสัปดาห์นี้เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินงานได้ตั้งแต่ 1 ม.ค. เป็นต้นไป ส่วนแผนระยะกลาง ระยะยาว จะมีการขุดคลองผันน้ำ การสร้างแนวป้องกันตลิ่ง และการจัดทำแก้มลิงชั่วคราว ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาแม่น้ำปิง จ.เชียงใหม่ และ แม่น้ำกก จ.เชียงรายได้”
นายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขแม่น้ำสาย ที่เป็นแม่น้ำระหว่างประเทศไทยและเมียนมานั้น ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมาเกี่ยวกับเขตแดนคงที่ ช่วงแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก (JCR) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การขยายช่องทางการไหลของน้ำ โดยการขุดลอกแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก เป็นแนวทางสำคัญการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งปัญหาสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศ
“มีเสียงสะท้อนและความกังวลจากประชาชนชาวแม่สายว่าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อย่างช่วงที่ผ่านมาอีก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ปัญหาการรุกล้ำลำน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดเชียงรายพิจารณาแนวทางการดำเนินงานอย่างรอบคอบโดยต้องดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างรอบด้าน” นายจิรายุ กล่าว .314.-สำนักข่าวไทย