ปชป. 21 ก.ค.-“ราเมศ” แจง ปชป.เลื่อนประชุมใหญ่วิสามัญฯ เลือกหัวหน้า-กก.บห.พรรค เหตุมีการขอองค์ประชุมเพิ่ม โต้ข่าว 16 ส.ส.ซบ ภูมิใจไทย-ดีลร่วมรัฐบาลเพื่อไทย โยน กก.บห. และ 25 ส.ส. ตัดสินใจ ยกมือให้ “เศษฐา” เป็นนายกฯ
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุผลการเลื่อนการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคออกไป จากเดิมกำหนดวันที่ 23 ก.ค.นี้ เนื่องจาก มีการขอเพิ่มองค์ประชุม 5 ภาค ภาคละ 25 คน โดยนายวิรัช ร่มเย็น ในฐานะนายทะเบียนพรรคเป็นผู้เสนอขอเพิ่ม โดยวันนี้จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อออกระเบียบวิธีการคัดเลือกสมาชิกมาเป็นองค์ประชุม ก่อนจะแจ้งให้สมาชิกพรรครับทราบไม่น้อยกว่า 5 วัน ก่อนประชุมใหญ่วิสามัญ พร้อมยืนยัน การเพิ่มองค์ประชุม เพราะอยากให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าจะมีการได้เปรียบเสียเปรียบ ยืนยันว่าไม่มี เพราะการเพิ่มองค์ประชุม รองหัวหน้าภาค จะไปคัดเลือก
นายราเมศ ยังกล่าวถึง กรณีที่เพื่อไทย จะเสนอชื่อ นายเศษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า วงประชุม ส.ส. พรรคได้มีการพูดกันเรื่องนี้ แต่ในส่วนของกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้คุยกัน ดังนั้นรายงานข่าวที่ระบุว่า 16 ส.ส. ขอไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย อ้างอิงถึงขั้วของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุย ว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และไม่มีใครตัดสินใจได้คนเดียว จะต้องเป็นการประชุมร่วมกัน ระหว่างกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส. ทั้ง 25 คน ซึ่งไม่อยากให้มีการรายงานข่าวลักษณะนี้ เพราะทำให้พรรคเสียหาย และประชาชนสับสน พร้อมย้ำว่า ไม่มีใครใช้อำนาจพละการ ไปตกลงปลงใจว่า จะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล
นายราเมศ กล่าวว่าการนำเสนอข่าว อ้างว่าเพจของพรรคโพสต์ว่า 16 ส.ส.เขตภาคใต้ ปันใจให้พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าเพจของพรรค ไม่เคยมีการโพสต์ลักษณะนี้ ส.ส.พรรคทุกคน อยู่ภายใต้ข้อบังคับ และกฎเกณฑ์กติกาของพรรค ส่วนคาดว่าจะได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก่อนจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น มองว่า เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องมีการเลือกให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างต้อใเป็นไปอย่างรอบคอบ
นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ม.112 จะเป็นปัจจัย ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจยกมือให้หรือไม่ ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนเรื่อง ม.112 มาโดยตลอด ซึ่งจะต้องมีการหารือกันในที่ประชุมของพรรค เพราะต้องมีรายละเอียดอีกมาก การจะยกให้มือให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีต้องดูนโยบายว่าตรงกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
ส่วนกรณีนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาระบุว่าหากพรรคก้าวไกล ถอยเรื่องการแก้ไข ม. 112 พร้อมยกมือสนับสนุนให้นั้น ตนไม่ขอก้าวล่วง ว่าพรรคก้าวไกล ควรยกเลิกหรือถอยเรื่องการแก้ไข ม. 112 หรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่าพรรคก้าวไกลยังไม่มีท่าทีที่จะถอย ซึ่งหากมีประเด็นนี้ ก็จะต้องเข้าหารือในที่ประชุมอีกครั้ง
นายราเมศ ยังระบุอีกว่าที่ผ่านมามีการกดดันให้พรรคประชาธิปัตย์ โหวตเลือกนายกฯ ให้พรรคก้าวไกล ตามเสียงข้างมากของประชาชน 14 ล้านคนนั้น ขอชี้แจงว่า จะคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะคนที่เลือกประชาธิปัตย์มาก็ชื่นชอบในอุดมการณ์และนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจะเลือกใครเป็นนายกฯ หรือ ร่วมรัฐบาลกับใคร ก็ต้องเคารพเสียงของประชาชนที่เลือกมาเช่นเดียวกัน .-สำนักข่าวไทย