ชัวร์ก่อนแชร์: Titanic อับปางเพราะอาถรรพ์ Unlucky Mummy จริงหรือ?

05 กรกฎาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


บทสรุป :

  1. ข้อมูลจากบัญชีสินค้าของเรือ Titanic ยืนยันว่าไม่มีการบรรทุกหีบศพมัมมี่ขึ้นเรือ Titanic แต่อย่างใด
  2. หีบศพ Unlucky Mummy ถูกเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ British Museum จนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลที่ถูกแชร์ :


การอับปางจากการเดินทางเพียงเที่ยวแรก ของเรือที่ได้ชื่อว่า “ไม่มีวันจม” ก่อให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดในหลายรูปแบบ เพื่อพยายามหาคำตอบที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุที่โด่งดังที่สุดในศตวรรษที่ 20

หนึ่งในตำนานที่ถูกเล่าขานมาอย่างยาวนาน อ้างว่า เรือ Titanic ได้บรรทุก Unlucky Mummy หรือมัมมี่แห่งความโชคร้ายไปกับการเดินทางครั้งนั้นด้วย

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


“กำเนิดแห่งอาถรรพ์”

จุดเริ่มต้นของตำนาน Unlucky Mummy เล่าว่า เธอคือเจ้าหญิงอาเมนราผู้มีชีวิตอยู่เมื่อ 3,500 ปีที่แล้ว เมื่อเสียชีวิตลง ร่างของเธอถูกทำให้เป็นมัมมี่และบรรจุอยู่ในหีบศพที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ก่อนนำไปฝังยังสุสานที่อยู่ใต้นครลักซอร์ ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์

กระทั่งช่วงปลายทศวรรษที่ 1890’s มีสุภาพบุรุษชาวอังกฤษ 4 รายเดินทางไปร่วมขุดค้นวัตถุโบราณที่นครลักซอร์ และได้รับข้อเสนอการเป็นเจ้าของหีบศพของเจ้าหญิงอาเมนรา

ชายผู้ชนะการประมูลด้วยเงินหลายพันปอนด์ ได้นำหีบศพกลับไปยังโรงแรมของเขา หลายชั่วโมงต่อมา มีคนพบว่าเขากำลังเดินเข้าไปในทะเลทราย และไม่มีใครพบชายคนนั้นอีกเลย

วันต่อมา เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มสุภาพบุรุษทั้ง 4 ราย ถูกคนรับใช้ยิงอย่างไม่ตั้งใจ กระสุนที่แขนสร้างบาดแผลที่รุนแรงจนต้องตัดแขนทิ้ง

ส่วนชายอีก 2 คนที่เดินทางกลับอังกฤษ ก็พบกับโชคร้ายไม่แตกต่างกัน คนหนึ่งพบว่าธนาคารที่เขาฝากเงินเก็บทั้งชีวิตต้องล้มละลาย ส่วนอีกรายล้มป่วยจนต้องออกจากงาน และกลายเป็นพ่อค้าขายไม้ขีดไฟข้างถนน

หีบศพมัมมี่ถูกซื้อต่อโดยนักธุรกิจชาวอังกฤษอีกราย และนำกลับมายังประเทศอังกฤษได้สำเร็จ ก่อนจะพบว่าบ้านของเขาต้องประสบอุบัติเหตุไฟไหม้ และสมาชิกครอบครัว 3 รายต้องบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการบริจาคมัมมี่ให้กับพิพิธภัณฑ์ British Museum

Unlucky Mummy

“เสียงสะอื้นออกมาจากหีบศพ”

ระหว่างการเคลื่อนย้ายหีบศพมัมมี่ไปยังพิพิธภัณฑ์ ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อรถบรรทุกที่ขนย้ายมัมมี่อยู่ ๆ ก็ถอยหลังโดยไม่มีสาเหตุและพุ่งชนประชาชนในบริเวณดังกล่าว ส่วนคนงาน 2 คนที่ขนย้ายหีบศพมัมมี่ขึ้นบันได ก็พบกับชะตากรรมที่ไม่ต่างกัน โดยคนหนึ่งหกล้มขาหัก ส่วนอีกคนก็เสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุในอีก 2 วันต่อมา

หีบศพมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมนราถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่ห้อง Egyptian Room ของ British Museum แต่ไม่นานเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นอีก โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนยันว่าได้ยินเสียงเคาะและเสียงสะอื้นออกมาจากหีบศพ มียามที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่และยามที่ขอลาออกเพราะความหวาดกลัว ส่วนพนักงานทำความสะอวดก็ไม่กล้าเข้าใกล้หีบศพของเจ้าหญิง

ครั้งหนึ่งมีนักท่องเที่ยวทำการเยาะเย้ยหีบศพ ด้วยการนำผ้าขี้ริ้วมาสะบัดที่ภาพใบหน้าบนหีบศพ หลังจากนั้นไม่นานลูกชายของเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคหัด

British Museum จึงตัดสินใจนำหีบศพมัมมี่ไปเก็บยังห้องใต้ดิน แต่กลายเป็นว่าคนงานที่ขนย้ายหีบศพต้องล้มป่วย ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการขนย้ายหีบศพถูกพบเป็นศพบนโต๊ะทำงาน

มีช่างภาพสนใจความอาถรรพ์ของมัมมี่ เดินทางมาถ่ายรูปยัง British Museum เมื่อนำภาพไปล้างยังที่ทำงาน ภาพหีบศพมัมมี่กลับปรากฏใบหน้ามนุษย์แสนสยดสยอง ช่างภาพคนดังกล่าวตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน แล้วยิงตัวตายในห้องนอนของตนเอง

สุดท้าย British Museum จึงแก้ปัญหาด้วยการขายหีบศพมัมมี่ให้กับนักสะสมวัตถุโบราณรายหนึ่ง

เฮเลนนา บลาแวตสกี

“เดินทางสู่อเมริกา”

โชคร้ายยังตามหลอกหลอนผู้ครอบครองรายใหม่ ส่งผลให้เขาย้ายหีบศพไปอยู่ในห้องใต้ดิน และเชิญ เฮเลนนา บลาแวตสกี นักเขียนหญิงชาวรัสเซียและผู้หลงใหลในเรื่องลี้ลับมาทำการตรวจสอบหีบศพ

เมื่อเข้ามาถึงบริเวณบ้าน เฮเลนนา บลาแวตสกี สัมผัสถึงบรรยากาศอันน่าหวาดหวั่นโดยทันที และแนะนำให้เจ้าของบ้านย้ายหีบศพมัมมี่ออกไปให้เร็วที่สุด

ไม่นาน หีบศพมัมมี่ก็ได้เจ้าของรายใหม่เป็นนักโบราณคดีชาวอเมริกัน หีบศพมัมมี่จึงถูกเตรียมเดินทางสู่สหรัฐอเมริกา ด้วยเรือลำใหม่ของ White Star Line ที่มีชื่อว่า RMS Titanic

“William Stead”

เรื่องราวสยองขวัญที่นำไปสู่ความเชื่อเรื่องการอับปางของเรือ Titanic เพราะคำสาปมัมมี่ พบว่ามีที่มาจาก วิลเลียม สเตด นักเขียนและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษ ผู้ริเริ่มแนวทางนำเสนอข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็หลงใหลเรื่องเร้นลับและสนใจเกี่ยวกับการสื่อวิญญาณด้วยเช่นกัน

วิลเลียม สเตด เป็นผู้เผยแพร่เรื่องอาถรรพ์ของมัมมี่ที่ถูกนำมายังประเทศอังกฤษ โดยอ้างว่าเพื่อนของเขาได้นำมัมมี่จากอียิปต์มาเก็บไว้ในบ้าน ไม่นานจึงพบว่าสิ่งของในห้องที่ใช้เก็บมัมมี่แตกหักทั้งหมด และไม่ว่าจะย้ายไปเก็บไว้ในห้องใด สิ่งของที่อยู่ในห้องเหล่านั้นต่างแตกหักเสียหายเช่นเดียวกัน

ภายหลัง วิลเลียม สเตด ได้มีโอกาสไปเยือนห้อง Egyptian Room ของพิพิธภัณฑ์ British Museum ความสนใจที่มีต่อภาพวาดหน้าหีบศพของมัมมี่ ทำให้เขาเผยแพร่ความเชื่อเรื่องวิญญาณอาฆาตที่สิงสู่ในหีบศพที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ชื่อดังของอังกฤษ

วิลเลียม สเตด

ชะตากรรมได้ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เดินทางไปกับเรือ Titanic ในปี 1912 วิลเลียม สเตด ได้ใช้โอกาสนั้นเล่าเรื่องอาถรรพ์มัมมี่ให้กับผู้ร่วมเดินทางระหว่างร่วมรับประทานอาหาร

แม้สุดท้ายเขาต้องพบจุดจบไปพร้อมกับเรือ Titanic แต่เรื่องเล่าชวนสยองขวัญของเขาได้ส่งผ่านไปยังผู้รอดชีวิตบนเรือ ที่นำเรื่องราวไปเผยแพร่กับหนังสือพิมพ์ที่มาทำข่าว กลายเป็นจุดเริ่มต้นการเชื่อมโยงตำนาน Unlucky Mummy กับการอับปางของเรือ Titanic ในที่สุด

เรื่องฉงนที่เชื่อมโยง วิลเลียม สเตด กับเรือ Titanic ยังมาจากความเชื่อส่วนตัวของเขาที่เคยทำนายเอาไว้ว่า ตนเองจะพบจุดจบด้วยการจมน้ำ

นอกจากนี้ วิลเลียม สเตด ยังเคยตีพิมพ์นิยาย 2 เรื่องที่เปรียบเสมือนคำทำนายการอับปางของเรือ Titanic ได้แก่ How the Mail Steamer went down in Mid Atlantic by a Survivor ที่เล่าถึงการเหตุการณ์เรือเดินสมุทรอับปางและมีเรือกู้ชีพไม่เพียงพอ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และเรื่อง From the Old World to the New ที่เล่าถึงเหตุอับปางของเรือที่ชนภูเขาน้ำแข็ง เป็นสองเรื่องราวที่สอดคล้องกับเหตุอับปางของเรือ Titanic อย่างไม่น่าเชื่อ

เรือ Empress of Ireland

“วิญญาณร้ายยังคงหลอกหลอน”

การจากไปของ วิลเลียม สเตด และการจมลงสู่ทะแลของเรือ Titanic ไม่ได้ทำให้ความอาถรรพ์ Unlucky Mummy ลดทอนลง เมื่อมีการเติมแต่งเรื่องราวให้ชะตากรรมของเรือ Titanic เชื่อมโยงกับวิญญาณร้ายของมัมมี่มากขึ้นไปอีก

ตำนานเล่าว่า นักโบราณคดีชาวอเมริกันที่นำหีบศพมัมมี่ขึ้นเรือ Titanic ได้ติดสินบนเจ้าหน้าที่บนเรือ ลักลอบนำหีบศพมัมมี่ไปขึ้นเรือกู้ชีพ และพาไปขึ้นเรือ RMS Carpathia เรือเดินสมุทรที่เดินทางมาช่วยผู้รอดชีวิตจากเรือ Titanic หีบศพมัมมี่จึงเดินทางมาถึงนิวยอร์กโดยสวัสดิภาพ

ไม่นาน นักโบราณคดีชาวอเมริกันกันก็ได้รับรู้อาถรรพ์หีบศพมัมมี่ด้วยตนเอง ก่อนตัดสินใจส่งหีบศพมัมมี่กลับคืนประเทศอังกฤษในปี 1914 โดยการขนส่งผ่านเรือ Empress of Ireland ที่เริ่มเดินทางจากเมืองควิเบกประเทศแคนาดาไปสู่จุดหมายที่เมืองลิเวอร์พูลประเทศอังกฤษ แต่การเดินทางต้องสิ้นสุดลงกลางทาง เมื่อเรือ Empress of Ireland ต้องชนเข้ากับเรือขนสินค้าอีกลำ

แม้บทเรียนจากเรือ Titanic จะทำให้ Empress of Ireland เตรียมเรือกู้ชีพเอาไว้เพียงพอกับจำนวนของผู้โดยสาร แต่โชคร้ายที่เรือจมลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เรือกู้ชีพที่เตรียมไว้ 40 ลำถูกนำมาใช้งานจริงเพียง 7 ลำ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 840 ราย

แจ็ค กริมม์ (ขวา)

อาถรรพ์ของ Unlucky Mummy ยังตามหลอกหลอนไปถึงทีมสำรวจซากเรือ Titanic เมื่อความพยายามค้นหาซากเรือ Titanic โดย แจ็ค กริมม์ เศรษฐีน้ำมันจากรัฐเท็กซัสระหว่างปี 1980-1983 ต้องพบกับความล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความเชื่อว่า เป็นผลจากวิญญาณอาฆาตของ Unlucky Mummy ที่ไม่ต้องการให้ใครมารบกวนสถานที่สิงสถิตสุดท้ายของเธอ

“เรื่องราวที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง”

อย่างไรก็ดี เมื่อนำตำนาน Unlucky Mummy มาเปรียบเทียบกับข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการอับปางของเรือ Titanic จะพบข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหลายประเด็น

ในตำนานได้อ้างถึง เฮเลนนา บลาแวตสกี ผู้แนะนำให้นักสะสมวัตถุโบราณชาวอังกฤษขายหีบศพมัมมี่แก่นักโบราณคดีชาวอเมริกัน ส่งผลให้หีบศพมัมมี่ได้เดินทางขึ้นเรือ Titanic

อย่างไรก็ดี เฮเลนนา บลาแวตสกี มีชีวิตระหว่างปี 1831-1891 ดังนั้นเธอจึงเสียชีวิตก่อนการอับปางของเรือ Titanic ถึง 21 ปี ทำให้ทั้งสองเหตุการณ์ไม่สามารถเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันได้

เมื่อปี 1985 ชาร์ลส์ ฮาส์ ประธานสมาคม Titanic Historical Society ได้ตรวจสอบบัญชีสินค้าที่บรรทุกมากับเรือ Titanic และไม่พบข้อมูลว่า มีการนำหีบศพมัมมี่มาขึ้นเรือ Titanic แต่อย่างใด

นอกจากนี้ Unlucky Mummy ที่ถูกนำมาเชื่อมโยงกับการอับปางของเรือ Titanic ก็ไม่ได้จมไปกับเรือลำไหนตามที่ตำนานกล่าวอ้าง เนื่องจากหีบศพมัมมี่ยังถูกเก็บรักษาอยู่ที่ห้อง Egyptian Room ในพิพิธภัณฑ์ British Museum จนถึงวันนี้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.snopes.com/fact-check/mummy-titantic/
https://en.wikipedia.org/wiki/Unlucky_Mummy
https://en.wikipedia.org/wiki/W._T._Stead

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ

น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขึ้นไม่หยุด ล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. น้ำระบายท้ายเขื่อนที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที

เร่งอพยพชาวบ้านหลายร้อยครอบครัว น้ำปิงยังสูง

แม้ระดับน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ เริ่มลดลง หลังขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร แต่หลายชุมชนและย่านการค้ายังมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะพื้นที่ตอนใต้ของเมือง น้ำยังเพิ่มสูง หลายร้อยครอบครัวต้องอพยพด่วน

อิสราเอลโจมตีทางอากาศมัสยิด-โรงเรียนในกาซา ดับแล้ว 24

สำนักงานสื่อมวลชนของรัฐบาลกาซาที่กลุ่มฮามาสเป็นผู้ดำเนินการ กล่าวว่า อิสราเอลโจมตีทางอากาศโดยมีเป้าหมายเป็นมัสยิดและโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่พักพิงของผู้พลัดถิ่นฐานในฉนวนกาซา เมื่อตอนเช้าวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และบาดเจ็บอีก 93 ราย