แจ้ง ปปป.เอาผิดอดีตผู้ว่าฯ โคราช ปมเอื้อประโยชน์เอกชน

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.- ทนายความ พร้อมชาวบ้าน แจ้งความตำรวจ ปปป.เอาผิดอดีตผู้ว่าฯ โคราช ปมทำหลักฐานเท็จ เอื้อประโยชน์เอกชนใช้ที่ดินหลวง-ลำน้ำสาธารณะ


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ พร้อมนายสมบุญ เต๊งผักแว่น ตัวแทนชาวบ้าน ต.นากลาง จ.นครราชสีมา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป.แจ้งความให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กับพวกรวม 4 คน ในข้อหา มาตรา 157 โดยมีการทำหลักฐานการตรวจสอบสภาพภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรมใน อ.สูงเนิน อันเป็นเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อเอื้อประโยชน์แก่โครงการสามารถยึดที่ดินหลวงไปกว่า 10 ไร่ และลำน้ำสาธารณะไปใช้ประโยชน์แก่โครงการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

นายกฤษฎา เผยว่า ตนมาแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ 4 คน ประกอบด้วย 1.ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา (ในขณะนั้น) 2.นายอำเภอ 3.นายก อบต.และ 4.กำนัน ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำรายงานการสอบข้อเท็จจริงของ จ.นครราชสีมา ฉบับลงวันที่ 15 สิงหาคม 2565 อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรบอกให้แจ้งโดยมีเจตนาพิเศษหรือมีมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิดเพื่อต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้กระทำความผิดไม่ต้องรับโทษทางอาญา


ประเด็นแรก เรื่องลำน้ำสาธารณะกุดปืน ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน ร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยระบุว่า “จากการตรวจสอบพื้นที่จุดร้องเรียนเห็นชัดเจนโดยสภาพว่าสภาพลำน้ำสาธารณะยังคงมีสภาพเช่นเดิม มีลักษณะเป็นคลองน้ำ และไม่มีการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆไปทับที่ดินสาธารณะหรือลำน้ำสาธารณะที่จะเป็นเหตุให้ลำน้ำสาธารณะมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไปในการสิ้นไร้ประโยชน์ และประชาชนก็สามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้ โดยบริษัทนิคมอุตสาหกรรมมิได้หวงห้ามแต่อย่างใด ลำน้ำสาธารณประโยชน์ดังกล่าวประชาชนพลเมืองยังใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อยู่จนถึงปัจจุบัน”

ข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน กระทำไปเพื่อต้องการให้ผู้กระทำผิดต้องหลุดพ้นจากความผิดไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย ถือเป็นการร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ชาติและประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เนื่องจากมีพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปี พ.ศ.2517 แสดงให้เห็นเส้นทางของลำน้ำกุดปืนเป็นเส้นตรงทอดยาวไปตลอด แต่ต่อมาประมาณปี 2547-2548 บริษัทเสนอทำโครงการเขตประกอบอุตสาหกรรม เนื้อที่ประมาณ 1,567 ไร่ 25.8 ตร.ว.จนกระทั่งโครงการดังกล่าวได้รับอนุญาตตามแผนที่ท้ายประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2548 เมื่อพิจารณาจากแผนที่แนบท้ายดังกล่าวเห็นได้ว่า สภาพลำน้ำกุดปีนถูกเบี่ยงเบนเส้นทางน้ำให้มีลักษณะโค้งไปโค้งมา เพื่อประโยชน์แก่พื้นที่โครงการ และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำเห็นได้จากในฤดูน้ำหลาก ก็จะปล่อยน้ำออกจากลำน้ำกุดปืนมาท่วมบ้านเรือนประชาชน แต่ภายในโครงการน้ำกลับไม่ท่วม ส่วนในฤดูแล้ง ก็จะกักเก็บน้ำไว้ในบ่อภายในโครงการจำนวนหลายบ่อ แต่ประชาชนไม่สามารถเข้าไปเอาน้ำในลำน้ำกุดปืนได้ เพราะบริษัทไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในโครงการ เนื่องจากเป็นนิคมปิด

ประเด็นที่สอง เรื่องที่ดินสาธารณะประโยชน์ภายในโครงการ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน ร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า “เดิมทำเลกุดปืนมีเนื้อที่ดิน 6 ไร่ 2 งาน 97 ตร.ว. แต่มีการเลิกใช้ประโยชน์เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เมื่อนิคมอุตสาหกรรมมาซื้อที่ดินใกล้บริเวณดังกล่าว มีที่ดินสาธารณประโยชน์อยู่กลางที่เอกชนไม่มีการใช้ประโยชน์นาน จึงมีสภาพตื้นเขิน บริษัทนิคมอุตสาหกรรม โดยความยินยอมของประชาชนในสมัยนั้น ยินยอมให้พัฒนาเป็นคูคลองสวยงามสะอาดตาและมีสภาพคลองสาธารณประโยชน์ ไม่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม” ข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คนกระทำไปเพื่อต้องการให้ผู้กระทำผิดหลุดพ้นจากความผิดไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย ถือเป็นการร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ชาติและประชาชนหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เนื่องจากที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าวแต่เดิมสมัยปู่ ย่า ตา ยาย หลายชั่วอายุคนแล้ว ใช้ที่ดินเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่เป็นทำเลเลี้ยงสัตว์ และในบริเวณดังกล่าวก็มีลำน้ำสาธารณะกุดปืนทอดยาวตลอด ที่ดินบริเวณนี้จึงเหมาะสำหรับเป็นที่เลี้ยงสัตว์ของชาวบ้านในตำบลนากลางมาโดยตลอด


ตามกฎหมายถือว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ผู้ใดจะเข้ายึดถือครอบครองเพื่อประโยชน์แต่เฉพาะตนนั้นไม่ได้ แต่บริษัท นิคมอุตสาหกรรมมีการแสดงแผนที่แนวเขตเบี่ยงเบนเส้นทางลำน้ำกุดปืนให้อ้อมไปด้านหลังที่ดินหลวง โดยมีเจตนาพิเศษต้องการครอบครองที่ดินหลวงกว่า 10 ไร่นี้ไปเป็นประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง เห็นได้จากแผนที่แนบท้ายลำน้ำกุดปืนถูกเบี่ยงเบนลำน้ำ โดยมีลักษณะโค้งไปโค้งมาและอ้อมไปด้านหลังแปลงที่ดินสาธารณประโยชน์ ส่วนด้านหน้ามีการถมลำน้ำเพื่อให้มีสภาพที่ดินเป็นผืนเดียวกัน ขัดแย้งกับภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปี พ.ศ.2517 อย่างสิ้นเชิง

เพราะตามแผนที่ทหารมีที่ดินสาธารณประโยชน์และเส้นทางของลำน้ำกุดปืนเป็นเส้นตรงผ่านแปลงที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน อ้างว่าที่ดินสาธารณประโยชน์มีการเลิกใช้ประโยซน์เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เมื่อนิคมอุตสาหกรรมมาซื้อที่ดินใกล้บริเวณดังกล่าว มีที่ดินสาธารณประโยชน์อยู่กลางที่เอกชนไม่มีการใช้ประโยชน์นานจึงมีสภาพตื้นเขิน บริษัท นิคมอุตสาหกรรม นวนคร จำกัด และบริษัท แคนนอน จำกัด โดยความยินยอมของประชาชนในสมัยนั้น ยินยอมให้พัฒนาเป็นคูคลองสวยงามสะอาดตาและมีสภาพคลองสาธารณประโยชน์ ไม่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนั้น หากข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติตามที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน รายงานมาเช่นนี้ เหตุใดผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน จึงไม่ดำเนินคดีกับทั้งสองบริษัท ในข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์หรือครอบครองที่ดินสาธารณะประโยชน์ไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องในทันที

เพราะที่ดินดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ตั้งแต่สมัยปู ย่า ตา ยาย สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ผู้ใดจะยึดถือครอบครองเพื่อประโยชน์แต่เฉพาะตนนั้นไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามที่ระเบียบและกฎหมายกำหนดไว้ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดและได้รับโทษตามประมวลกฎหมายที่ดินหรือกฎหมายอื่นที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้วว่าเมื่อประมาณต้นปี 2565 ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ภายในโครงการดังกล่าวแล้วเห็นว่ามีการนำที่ดินสาธารณประโยชน์ไปใช้โดยมิชอบ

ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คนย่อมมีหน้าที่ในการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในทันที แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต จึงไม่ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามหน้าที่และอำนาจของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน และเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยทำรายงานการตรวจสอบพื้นที่อันเป็นเท็จ การกระทำดังกล่าวจึงเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับแจ้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

ลุ้นผลเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ขณะนี้การนับคะแนนตามหน่วยต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในขั้นตอนการรวมคะแนน ซึ่งในเขตเมือง ผลปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชนมีคะแนนนำ แต่อำเภอรอบนอก ตัวแทนพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่หลายหน่วยเลือกตั้ง