ศูนย์ฯ สิริกิติ์ 14 มิ.ย. – รัฐบาลหนุนฟินเทครองรับกระแสการเงินโลกยุคใหม่ ดันไทยเป็นศูนย์กลาง CLMVT ขณะที่คลัง-ธปท.พร้อมดูแลความปลอดภัยระบบการเงิน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง Fintech “นวัตกรรมการเงินใกล้ตัวต้องรู้” ว่า นโยบายของรัฐบาลผลักดันไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ ยอมรับว่าคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้เรียนรู้อย่างรวดเร็ว สถาบันการเงินจึงต้องปรับตัวรองรับเทคโนโลยีทางการเงินยุคใหม่ (ฟินเทค) เช่น บริษัทขนาดใหญ่ อาลีบาบา ปล่อยกู้ให้บริษัทลูกเครือข่าย โดยไม่มีหลักประกัน เพราะรับรู้ยอดขายของเครือข่าย จึงปล่อยกู้โดยตรง
เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มทดลองระบบ (Sand BoX) การให้บริการทางการเงินของคนรุ่นใหม่ก่อนนำออกไปให้บริการจริง จึงต้องคุ้มครองดูแลบริการ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านถูกหลอกลวง รวมถึงศึกษาว่าระบบใช้ Bid Coin ต้องการสนับสนุนอย่างไร เพราะสถาบันการเงินหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากทุกอย่างเริ่มใช้บริการทางการเงินผ่านมือถือมากขึ้น เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยีทางการเงินสมัยใหม่ ขณะนี้สิงคโปร์ประกาศเป็นศูนย์กลางบริการทางการเงินดีที่สุดในโลก หากไทยปรับตัวรองรับฟินเทคจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของ CLMVT ได้อย่างแน่นอน
นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและการค้า (เมติ) ของญี่ปุ่นตอบรับอย่างเป็นทางการร่วมจัดงานความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน ไทย – ญี่ปุ่น 130 ปี ทำให้นักลงทุนจำนวนมากจากสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) พร้อมเข้าร่วมงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและดึงความรู้จากญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำด้าน Connected Industry หรืออุตสาหกรรม 5.0 เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับไทย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากต้องการก้าวข้ามแบบก้าวกระโดดต้องใช้การวิจัยพัฒนาเป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาประเทศ และต้องสรรหากลุ่มเป้าหมายอุตสาหกรรมใหม่ (S-Curve) มาใช้ผลักดันพัฒนาประเทศ เพราะจะเป็นแรงผลักดันใหม่มาขับเคลื่อนประเทศ ดังนั้น การพัฒนาประเทศต้องใช้ความรู้ความสามารถจากผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาช่วยพัฒนา หากยังควบคุมวิศวกร แพทย์ ต่างชาติต้องมาสอบภาษาไทยเท่านั้น ยอมรับว่าปัจจัยเหล่านี้เป็นอุปสรรคพัฒนาประเทศ กระทรวงการคลังต้องการเห็นธนาคารมีความสามารถในการแข่งขันรองรับระบบฟินเทค ด้วยการอยู่ในแพลตฟอร์ม E-Payment ของรัฐบาล ซึ่งกำลังสร้างถนนขนาดใหญ่ให้ทุกส่วนมาใช้บริการร่วมกัน ทุกฝ่ายจึงพร้อมดูแลผู้ประกอบการและประชาชน
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า บทบาทการเป็นตัวกลางของธนาคารเริ่มลดลงเมื่อฟินเทคเข้ามามีบทบาท การใช้บริการทางการเงินไม่จำเป็นต้องมีบัญชีเงินฝาก เพียงเติมเงินในมือถือ หรือกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทเอกชน สามารถใช้บริการทางการเงินได้ ธปท.จึงต้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช.) ควบคุมดูแลให้เป็นธรรม รวมถึงการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big DaTa ) เพราะมีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตยุคใหม่ ยอมรับว่าการเงินยุคใหม่ต้องตอบโจทย์ การเพิ่มประสิทธิภาพ การลดต้นทุนทางการเงิน ดังนั้น ผู้กำกับทางการเงินต้องหันมาเป็นผู้ให้การสนับสนุนเพิ่ม เพื่อดูแลให้เกิดความเป็นธรรม เทคโนโลยีการเงินผ่านไซเบอร์นับว่ามีความเสี่ยงสูงสุด 1/10 ของความเสี่ยงทั้งหมด ทุกหน่วยงานจึงต้องร่วมมือกันดูแลความปลอดภัยของระบบการเงิน ยอมรับว่ากฎระเบียบทั้งด้านการประทับตรา อากรแสตมป์ การรับรองสำเนาเอกสารทางการเงินทุกใบ เก็บไว้เป็นหลักฐาน 10 สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคของฟินเทค จึงต้องหาทางแก้ไขหรืออำนวยความสะดวกให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ .-สำนักข่าวไทย