ทำเนียบฯ 9 มิ.ย.- นายกฯ พอใจ ธนาคารโลก ประเมินไทยออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ฟื้นตัวดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานธนาคารโลก (World Bank) ประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายจากโควิด-19 ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเกิดการหดตัว ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ประเทศไทยสามารถกลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดฯ
นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังระบุว่า มาตรการทางการเงินและการคลังของไทย มีส่วนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยไทยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.56 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในส่วนที่สำคัญหลัก ๆ 3 เรื่อง ได้แก่ การใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุข การบรรเทาภาระทางการเงินให้แก่ประชาชนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ธนาคารโลกมองว่า การดำเนินนโยบายและมาตรการของรัฐบาลในการช่วยเหลือภาคเอกชน กลุ่มธุรกิจ SME กลุ่มเปราะบาง แรงงานนอกระบบ และเกษตรกร รวมถึงการนำงบประมาณมาใช้จ่ายในมาตรการทางด้านสาธารณสุข เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกเสนอว่า รัฐบาลควรเตรียมรับมือภาระทางการคลังที่เกิดจากการใช้จ่ายที่จำเป็น และในระยะยาว ควรนำงบประมาณไปใช้จ่ายในการช่วยเหลือทางสังคมแก่กลุ่มเปราะบางมากขึ้น พัฒนาคุณภาพการศึกษาเตรียมการรับมือกับการเพิ่มสูงขึ้นของผู้สูงวัย และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งการลงทุนในด้านเหล่านี้ จะที่ทำให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การลดความเหลื่อมล้ำ และเกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องดำเนินนโยบายบริหารหนี้สาธารณะอย่างยั่งยืน รวมถึงการปรับปรุงการจัดเก็บรายได้ภาครัฐ ผ่านการปฏิรูประบบภาษี ปรับปรุงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ขยายฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการจัดเก็บภาษีทรัพย์สิน
“นายกรัฐมนตรียินดี ธนาคารโลกประเมินนโยบายของไทยในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีความเหมาะสม กระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาภาระของประชาชน และเตรียมการรับมือกับภัยทางด้านสาธารณสุข รัฐบาลรับฟังข้อเสนอของธนาคารโลก และติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด รวมทั้งประเมินและพร้อมปรับปรุงนโยบายและมาตรการเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว.-สำนักข่าวไทย