ปารีส 8 มิ.ย.- กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำเตือนว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มากเป็นประวัติการณ์ และปริมาณมลภาวะทางอากาศที่ลดลง ได้กลายเป็นปัจจัยเร่งให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 0.2 องศาเซลเซียสในช่วงปี 2556-2565
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ 50 คน ระบุในรายงานด้านสภาพภูมิอากาศฉบับปรับปรุงที่เผยแพร่ในวารสารเอิร์ธ ซิสเต็ม ไซเอินซ์ ดาตา (Earth System Science Data) ว่า ช่วงเวลาดังกล่าวมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นประวัติการณ์เฉลี่ยปีละ 54,000 ล้านตัน หรือคิดเป็นวินาทีละ 1,700 ตัน แม้โลกยังไม่ร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสจากช่วงก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่โลกจะปลอดภัยตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปารีสปี 2558 แต่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์จะปล่อยได้สูงสุดหรือคาร์บอนบัดเจ็ต (carbon budget) มีวี่แววว่าจะหมดสิ้นไปในอีกไม่กี่ปี เพราะได้หมดไปแล้วครึ่งหนึ่ง นับจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือไอพีซีซี (IPCC) เริ่มเก็บข้อมูลสำหรับการจัดทำรายงานปี 2564
รายงานของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์พบข้อมูลใหม่ว่า ความสำเร็จด้านสภาพภูมิอากาศอย่างหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมากลับกลายเป็นปัจจัยเร่งให้โลกร้อนขึ้น โดยพบว่าการที่โลกมีมลภาวะทางอากาศลดลงเพราะลดการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า ทำให้โลกได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยตรง เพราะไม่มีอนุภาคมลภาวะที่เคยปกคลุมชั้นบรรยากาศโลก รายงานระบุด้วยว่า พื้นที่ที่เป็นผืนดินเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นมาตั้งแต่ปี 2543 โดยพบว่า ช่วงปี 2556-2565 มีอุณหภูมิสูงขึ้นจากช่วงก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมเฉลี่ยปีละ 1.72 องศาเซลเซียส เทียบกับช่วงปี 2543-2552 ที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 1.22 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย