รร.รามาการ์เด้น 31 พ.ค.-กรมควบคุมโรค จัดทำแผนปฏิบัติการด้านความร่วมมือระหว่างประเทศควบคุมโรคและภัยสุขภาพ หวังครอบคลุมการดูแลแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในไทย พร้อมรับหากรัฐบาลชุดใหม่ปรับขึ้นค่าแรงต้องมีการวางแผนรัดกุมเพื่อรองรับจำนวนแรงงานที่เข้ามาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดการประชุมถ่ายทอดแผนปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้านการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) สู่การปฏิบัติ พร้อม มอบรางวัลแก่หน่วยงานสนับสนุนภารกิจด้านการป้องกันควบคุมโรคระหว่างประเทศ 26 หน่วยงาน โดยแผนปฏิบัติการความร่วมมือฯ ฉบับนี้ จะเป็นกรอบยุทธศาสตร์พัฒนาขีดความสามารถของประเทศไทยด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้านป้องกันควบคุมโรค และ มุ่งพัฒนา 4 ด้าน ได้แก่ 1) การยกระดับบทบาทนำระดับนานาชาติ และขับเคลื่อนนโยบาย กฎข้อบังคับ กรอบอนุสัญญาความร่วมมือและข้อตกลงระหว่างประเทศ 2) การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายในการขับเคลื่อนและผลักดันด้านการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพระดับโลก ภูมิภาค ประเทศ และจังหวัด อาทิ โรคโควิด 3) การพัฒนาระบบบริหารจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ และ 4) การส่งเสริมศักยภาพองค์กร บุคลากร และเครือข่ายด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ส่วนกรณีที่ในอนาคต ที่รัฐบาลชุดใหม่จะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำอาจส่งผลให้มีแรงงานข้ามชาติเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยจำนวนมากนั้น มองว่า แผนดังกล่าวก็จะมาช่วยในเรื่องของการจัดสรรและครอบคลุมเรื่องของการควบคุมโรคซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะต้องมีการทำแผนรองรับให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นอีก และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกระทรวงการต่างประเทศกระทรวงแรงงาน
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 นพ.ธเรศ กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นส่วนหนึ่งเพราะเข้าสู่ฤดูฝนอีกครั้งอยู่ในช่วงระหว่างการเปิดภาคเรียนผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มวัยทำงานแต่ที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มคนผู้สูงอายุที่พบว่าขณะนี้ยังคงไม่มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงอยากเชิญชวนให้ผู้ที่ครบรอบรับวัคซีนเข็มกระตุ้นมารับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต เนื่องจากข้อมูลของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในปัจจุบันพบว่าเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังและหากการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นมานานแล้ว.-สำนักข่าวไทย