ทำเนียบ 29 พ.ค.- “วิษณุ” ระบุ ตำแหน่ง ปธ.สภาฯ ชี้เป็นชี้ตายอะไรไม่ได้ ต้องเป็นกลาง ไม่ผลักดันนโยบายนโยบายพรรคใดพรรคหนึ่ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เกิดความไม่ลงตัวผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าตำแหน่งประธานสภามีความสำคัญเนื่องจากเป็นตำแหน่งอันดับ 1 ที่จะต้องเกิดขึ้นภายหลังจากการเลือกตั้ง และกลไกการเมืองทั้งหมดจะได้เดินต่อหลังจากมีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เช่น การเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามที่นายวันมูฮัมหมัด นอร์มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวไว้ จะมากำหนดอะไรตามใจชอบไม่ได้ ไม่เช่นนั้นในอดีตคงไม่มีการยกตำแหน่งให้นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มี 3 เสียง เป็นประธานสภาฯในขณะนั้นหรอก เพราะคงเชื่อว่าสามารถชี้เป็นชี้ตายอะไรได้ แต่ความเป็นจริงชี้เป็นชี้ตายอะไรไม่ได้ แต่ที่ใหญ่ของประธานสภาฯ คือปกครอง บังคับบัญชาข้าราชการในสภาได้ ขณะเดียวกันมีอำนาจในการกำหนดวันประชุมสภาฯ ส่วนการบรรจุวาระใดใดนั้นเป็นไปตามข้อบังคับสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การถกเถียงระหว่างพรรคเสียงข้างมากทั้ง 2 พรรคขณะนี้ เป็นเพราะมีวาระการเมืองอื่นเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นไปได้ที่มีวาระการเมืองอื่นในเชิงสัญลักษณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคก้าวไกลมองว่า หากไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ อาจจะกระทบถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ อยู่ที่พรรคร่วมลงนาม MOU กันอย่างไร ตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลระบุเรื่องการกลั่นกรองกฎหมาย มีการแก้ ม.112 นายวิษณุ กล่าวว่าสำหรับเรื่องนั้น ไม่เป็นไร ใครเป็นประธานสภาไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อถามย้ำว่า พรรคก้าวไกลมองว่าหากได้ตำแหน่งประธานสภาด้วยก็จะได้รับการพิจารณาในสภา นายวิษณุกล่าวว่า จะได้รับหรือไม่ได้รับเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภา มากกว่าเป็นดุลพินิจของประธานสภา เพราะประธานสภาจะต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ใช่จะมาผลักดันนโยบายของพรรคใดก็ได้ ซึ่งตำแหน่งประธานสภา ไม่สามารถเป็นกรรมการบริหารพรรค ไม่สามารถเป็นตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นหากได้เป็นแล้วต้องอยู่ในตำแหน่งยาว 4 ปีเลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่เคยมีธรรมเนียม ที่จะเอาออกก็ต่อเมื่อ 1.ตาย 2.ลาออก และ 3.สภาหมดอายุ
เมื่อถามว่า ในประวัติศาสตร์ มีโอกาสหรือไม่ที่จะโหวตเลือกประธานสภา นายวิษณุกล่าวว่า มีและเป็นไปได้ที่จะโหวตแข่งกัน และในประวัติศาสตร์ของไทยส่วนใหญ่จะโหวตแข่งกัน นั่นหมายความว่ามีการเสนอชื่อมากกว่า 1 คน
เมื่อถามย้ำว่า ยังไม่เคยเห็นใช่หรือไม่ว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งและอันดับสอง อยู่ในรัฐบาลเดียวกันจะโหวตแข่งกันเอง นายวิษณุกล่าวว่า “แปลกประหลาดถ้าเป็นอย่างนั้น แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้นในทางการเมือง แต่มันก็แปลกประหลาด อย่างคราวที่แล้วเสนอนายกฯ เสนอนายกรัฐมนตรีฝ่ายหนึ่งเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อีกฝ่ายเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างนั้นโอเค ก็มีการเสนอชื่อแข่งกันแบบนี้ ส่วนประธานสภา สมัยก่อนก็แข่งกันอย่างนั้นถึงได้มีชื่อของนายอุทัย พิมพ์ใจชน” นายวิษณุ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่มีประสบการณ์ทางการเมืองคิดว่าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยควรจะมีแนวทางอย่างไร ที่จะทำให้ผลออกมาราบรื่นในการจัดตั้งรัฐบาลนายวิษณุกล่าวว่าขอไม่ออกความเห็น เป็นเรื่องของเขา เพราะเขาได้เดินหน้าเซ็นต์ MOU ส่วนตนเองก็ตายใจ เตรียมเก็บของแล้ว นึกว่าเค้าตกลงกันทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่านายวิษณุได้เห็นรายชื่อผู้ชิงตำแหน่งประธานสภาที่มีออกมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีออกมาแล้วหรือ ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ไม่ค่อยเชื่อ มีหลุดออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ตนก็ไม่แน่ใจและตนยังไม่เคยเห็น .- สำนักข่าวไทย