นนทบุรี 29 พ.ค.-รองอธิบดีกรมการค้าภายในระบุหลายปัจจัยหนุนทั้งสภาพอากาศและเปิดเทอมใหม่ความต้องการบริโภคไข่ไก่สูงขึ้น แถมต้นทุนอาหารสัตว์ก็ไม่สูง จึงไม่ใช่เหตุผลอ้างปรับราคาไข่คละหน้าฟาร์มขึ้นอีก ย้ำมีการติดตามราคาสินค้าทุกรายการต่อเนื่องพบผักชี มะนาวปรับราคาลดลง
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างติดตามราคาไข่ไก่อย่างใกล้ชิด และเห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีเหตุหรือปัจจัยอะไรที่จะปรับราคาไข่คละหน้าฟาร์มขึ้นอีกจาก 3.80 บาท/ฟอง เป็น 4 บาท/ฟอง เนื่องจากตอนนี้ความต้องการบริโภคไข่ไก่ในประเทศเพิ่มมากขึ้นหลังจากโรงเรียนทั่วประเทศเปิดเรียนและการส่งออกไข่ไก่ไปตลาดต่างประเทศเริ่มน้อยลง ประกอบกับสภาพอากาศเริ่มเย็นไม่ร้อนมาก ทำให้ปริมาณไข่ไก่ก็เพิ่มขึ้น รวมทั้งในเรื่องของต้นทุนอาหารเลี้ยงสัตว์ขณะนี้ไม่ได้สูงขึ้นไปกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้น ทางกรมฯเห็นว่าปัจจัยด้านบวกมีมากกว่าด้านลบ จึงยังไม่มีเหตุผลใดที่ราคาไข่คละหน้าฟาร์มจะขอปรับขึ้นจากราคาที่อยู่ในขณะนี้แต่อย่างใด
นอกจากราคาไข่ไก่โดยรวมแล้ว โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และสำรวจราคาสินค้าณ ตลาดประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร และตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน กรุงเทพฯ พบว่า สินค้าหมูราคายังคงทรงตัว ส่วนสินค้าผักส่วนใหญ่ยังคงทรงตัว แต่มีบางชนิดราคาขายปลีกปรับลดลง คือ ต้นหอม ผักชี ซึ่งคาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์ราคาขายปลีกจะกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้อุณหภูมิลดลง ผลผลิตเจริญเติบโตได้ดีขึ้น และผลผลิตได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศที่แปรปรวนลดลง ส่งผลให้มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ส่วนมะนาว เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลผลิต ส่งผลให้มีผลผลิตกลับสู่ตลาดมากขึ้น ทั้งนี้ยังเน้นย้ำให้ตลาดดังกล่าว กำชับให้พ่อค้าแม่ค้าปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน และดูแลเครื่องชั่งให้ชัดเจนเที่ยงตรง ซึ่งตลาดดังกล่าวมีเครื่องชั่งกลางเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบน้ำหนักสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค
นอกจากนี้ ช่วงสัปดาห์หน้าวันที่ 3 มิถุนายนนี้ เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันวิสาขบูชา จึงทำการตรวจสอบร้านจำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์ย่ายประชาชื่น พบว่า ร้านค้าปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย โดยทางร้านมีการปิดป้ายราคาและปริมาณสินค้าตรงตามที่กำหนด รวมถึงรายการสินค้าครบถ้วนชัดเจน ถูกต้อง อย่างไรก็ตามกรมฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบเพิ่มเติมจากการตรวจสอบปกติ เพื่อป้องปรามการฉวยโอกาสหลอกลวงประชาชน และกำชับให้ร้านค้าปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชน
“กรมจะติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยมีเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์ออกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลให้ราคาขายปลีกสอดคล้องกับราคาต้นทุน และป้องปราบมิให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคากระทบต่อผู้บริโภค ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน และไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาเกินสมควร จะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ และหากไม่ปิดป้ายแสดงราคาการจำหน่ายสินค้า มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากประชาชนผู้บริโภคพบเห็นการจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นธรรม หรือการขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุสมควร ขอให้แจ้งที่สายด่วน1569 ได้”นายอุดมกล่าว.-สำนักข่าวไทย