ชุมพร 28 พ.ค. – จ.ชุมพร กำลังประสบภัยแล้งรุนแรง ทุเรียนขาดน้ำทยอยยืนต้นตาย เสียหายแล้วกว่า 100 ล้านบาท จนต้องตั้งศูนย์อำนวยการฝนหลวง เพื่อทำฝนหลวงในพื้นที่
หลังฝนทิ้งช่วงนานกว่า 3 เดือน ใน จ.ชุมพร ทำให้อากาศร้อนจัด น้ำในลำคลองแห้งขอด แม้แต่ในสระน้ำของเกษตรกรก็ไม่มีเหลือ ขณะนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง พืชผลทางการเกษตรเสียหาย โดยเฉพาะทุเรียนขาดน้ำนานต่อเนื่อง ทำให้ผลร่วง ใบแห้ง ทยอยยืนต้นตายเป็นจำมาก ความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท
จ.ชุมพร มีพื้นที่การเกษตร 2.56 ล้านไร่ เป็นแหล่งผลิตไม้ผลที่มีชื่อเสียงของประเทศ โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด และเป็นศูนย์กลางตลาดทุเรียนของภาคใต้ รวมทั้งปาล์มน้ำมัน และยางพารา มูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวเท่ากับ 250,823 บาทต่อคนต่อปี เป็นลำดับที่ 1 ของภาคใต้ และลำดับที่ 12 ของประเทศ
จ.ชุมพร มีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญแยกตามลุ่มน้ำได้ 5 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำคลองท่าตะเภา ลุ่มน้ำคลองชุมพร ลุ่มน้ำคลองสวี-คลองตะโก ลุ่มน้ำคลองหลังสวน ลุ่มน้ำคลองละแม มีพื้นที่ในเขตชลประทานรวม 226,635 ไร่ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จ.ชุมพร ไม่เคยประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงนาน แต่ในปีนี้ จ.ชุมพร ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานในหลายพื้นที่ของจังหวัด จนเกิดความแห้งแล้งในรอบหลายสิบปี ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนทุกกลุ่มอาชีพเป็นวงกว้าง
สำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร รายงานว่ามีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในปี 2566 จำนวน 261,296 ไร่ คาดว่าจะเสียหายจำนวน 69,831 ไร่ และหากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าพื้นที่การเกษตรจะยิ่งได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ได้ประสานไปยังอธิบดีกรมฝนหลวง เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงขึ้นที่ จ.ชุมพร ที่ท่าอากาศยานชุมพร ต.ชุมโค อ.ปะทิว โดยเริ่มบินตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมเป็นต้นไป ใช้เครื่องบิน 2 ลำ และจะทำจนกว่า จ.ชุมพร จะพ้นวิกฤติภัยแล้ง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ใช้เครื่องของหน่วยทหารที่ จ.สุราษฎร์ธานี และหน่วยที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อขึ้นปฏิบัติการแต่ละครั้งจะต้องไปกลับและเติมสารขึ้นทำฝนหลวงในพื้นที่ตั้งของหน่วย ทำให้เสียเวลา
นายสินชัย กล่าวถึงห้วงระยะเวลาในการทำฝนหลวงว่า ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด และอธิบบดีกรมฝนหลวง ว่าให้อยู่ปฏิบัติการทำฝนหลวงจนกว่า จ.ชุมพร ฝนจะตกและพ้นวิกฤติภัยแล้ง.-สำนักข่าวไทย