กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าประเทศไทยสิ้นสุดฤดูร้อนและจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนปี 2566 ในวันที่22 พ.ค. ปีนี้ปริมาณฝนรวมทั้งฤดูจะน้อยกว่าปีที่แล้ว ประมาณกลาง มิ.ย.-กลาง ก.ค. จะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ส่วนในเดือน ส.ค.-ก.ย. จะเป็นช่วงที่ฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด มีโอกาสสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือและอีสาน 1-2 ลูก
นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า ประเทศไทยสิ้นสุดฤดูร้อนและจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในวันที่22 พฤษภาคม 2566 เนื่องจากพบว่า มีฝนตกชุกหนาแน่นและต่อเนื่องครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ประกอบกับลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยที่ระดับผิวพื้นถึงความสูงประมาณ 3.5 กิโลเมตร ได้เปลี่ยนทิศเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะพัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมบริเวณประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และลมชั้นบนตั้งแต่ระดับความสูง 5 กิโลเมตรขึ้นไปได้เปลี่ยนทิศเป็นลมฝ่ายตะวันออก ซึ่งถือว่า ครบองค์ประกอบตามเกณฑ์การเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยแล้ว
ปีนี้ปริมาณฝนรวมของทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนจะน้อยกว่าปี 2565 และจะน้อยกว่าค่าปกติประมาณ 5% (ปีที่แล้วสูงกว่าค่าปกติ 14%) ในช่วงประมาณกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม จะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง อาจส่งผลทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน ส่วนในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนเป็นช่วงที่จะมีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด และมีโอกาสสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1-2 ลูก ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ และก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้ สำหรับฤดูฝนของประเทศไทยตอนบนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม ส่วนภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกชุกหนาแน่นต่อไปอีกจนถึงกลางเดือนมกราคม 2567
สำหรับฤดูฝนปีนี้เริ่มต้นช้ากว่าปกติโดยปี 2565 ประกาศเริ่มต้นฤดูฝนกลางเดือนพฤษภาคม (วันที่ 13 เดือนพฤษภาคม 2565) แต่ปีนี้ล่าช้ากว่าประมาณ 1 สัปดาห์เศษเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอนโซ จากที่อยู่ในสภาวะลานีญามากว่า 2 ปี ขณะนี้ถอยกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ แล้วมีแนวโน้มที่จะ เปลี่ยนเข้าสู่สภาวะเอลนีโญกำลังอ่อนในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม 2566 และจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือน ธันวาคม 2566 ถึง กุมภาพันธ์2567
อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ถึง 80% ที่ช่วงปลายปี2567 สภาวะเอลนีโญจะแรงขึ้นเป็นเอลนีโญกำลังปานกลางและมีโอกาส 50% ที่เป็นเอลนีโญกำลังแรงซึ่งต้องติดตามอุณหภูมิผิวน้ำทะเลอย่างต่อเนื่องเพื่อคาดการณ์ในระยะต่อไป โดยขณะนี้คาดว่า สภาวะเอลนีโญจะต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แต่การที่เกิดสภาวะเอลนีโญเป็นผลให้ปริมาณฝนปีนี้น้อยกว่าค่าปกติดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย