ร้องสอบ “พิธา” ปมดราม่ามางานศพพ่อไม่ทัน

สำนักงาน กกต. 28 เม.ย.- “ศรีสุวรรณ” บุก กกต. ร้องสอบ “พิธา” ปมดราม่ารัฐประหาร 49 ถูกกักตัวมางานศพพ่อไม่ทัน ชี้จงใจใส่ร้าย พูดเท็จ เสี่ยงถูกตัดสิทธิการเมือง 20 ปี


นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำหลักฐานมายื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในรายการเปิดอกคุย ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า เมื่อปี 2549 เกือบกลับมาร่วมงานศพของคุณพ่อไม่ทัน เนื่องจากถูกกักตัวอยู่ที่สนามบินดอนเมือง เพราะขณะนั้นประเทศไทยเกิดการรัฐประหารขึ้น ซึ่งชาวโซเชียลได้นำบทสัมภาษณ์ของนายพิธา ที่เคยออกรายการของคุณหนูแหม่ม มาเปรียบเทียบและพบว่า การให้สัมภาษณ์ไม่ตรงกัน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ทางโซเชียลนำมาเปรียบเทียบ พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนายพิธาไม่ได้ออกมาชี้แจง จึงขอตั้งข้อสังเกต 3-4 ประเด็น ประเด็นแรกคือ การอ้างว่าเคยเป็นข้าราชการช่วยงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ประเด็นที่สอง ให้สัมภาษณ์ในรายการนายสรยุทธว่า ถูกควบคุมตัวที่สนามบิน ทำให้ไม่สามารถไปร่วมงานศพของคุณพ่อได้ทัน แต่ขณะที่บทสัมภาษณ์ในรายการของคุณหนูแหม่มในอดีต บอกไว้ว่าถูกกักตัวเพียง 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น และกลับไปร่วมงานคุณพ่อได้ตามปกติ


นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ประเด็นที่สาม ให้สัมภาษณ์รายการนายสรยุทธว่า ถูกอายัดเงินในบัญชีเป็นเวลา 2-3 เดือน จนทำให้ไม่มีเงินมาจัดงานศพคุณพ่อ แต่ในรายการของคุณหนูแหม่มไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้ ซึ่งกรณีนี้มีข้อห้ามระบุไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2561 มาตรา 73 (5) ว่า ห้ามผู้สมัครหาเสียงใช้วิธีการหลอกลวง หรือใส่ร้าย พูดความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของตนเองหรือพรรคการเมือง

“พรรคก้าวไกลมีนโยบายเกี่ยวกับทหาร เช่น การปฏิรูปกองทัพ ฉะนั้นคำพูดของนายพิธา ต้องการสื่อให้เห็นว่า การหยิบยกประเด็นเรื่องการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ออกมาพูดเป็นการต่อต้านอย่างชัดเจน และทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ วันนี้จึงต้องการมายื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบและวินิจฉัยว่าเข้าข่ายความผิดกฎหมายที่กำหนดหรือไม่ หาก กกต.วินิจฉัยว่าเข้าข่ายความผิด จะมีอัตราโทษจำคุก 1-10 ปี และต้องจ่ายค่าปรับ 20,000-200,000 บาท พร้อมถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่างน้อย 20 ปี” นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สำหรับหลักฐานที่นำมายื่นต่อ กกต. วันนี้ เป็นคลิปวิดีโอที่ไปออกรายการของนายสรยุทธ และคุณหนูแหม่ม พร้อมนำข้อมูลที่นายพิธาออกมาโพสต์แก้ข่าว และข้อมูลของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร พรรคเพื่อไทย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นายพิธาเป็นข้าราชการจริงหรือไม่ และถูกอายัดบัญชีจริงหรือไม่ ซึ่งนายพิธาไม่เห็นท้วงติง พูดแต่เรื่องอื่น


ส่วนที่นายพิธาออกมาบอกว่า ไม่ควรเอางานศพพ่อของใครมาพูดให้เป็นเรื่อง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เขาเป็นคนนำเรื่องนี้ไปพูดในรายการเอง ตนไม่อยากไปขุดคุ้ย แต่ต้องนำเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน.-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง