พรรคเพื่อไทย 25 เม.ย. – “ชุมสาย” โต้ “ศรีสุวรรณ” หลังถูกร้อง กกต. ให้ยุบเพื่อไทย ปมนโยบายเงินดิจิทัล ชี้นโยบายแค่หลักคิด ผิดพลาดได้ แต่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ถึงขั้นยุบพรรค
นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นร้องกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยระบุว่าพรรคเพื่อไทยออกนโยบายระเป๋าเงินดิจิทัล และอาจมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ มาตรา 73 (5 ) ถือเป็นการหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของพรรคการเมือง และ กกต. ให้ข่าวว่าได้เร่งศึกษานโยบายหาเสียงที่พรรคต่างๆ ส่งมา หากมีความผิดจะเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคว่า นโยบายพรรคการเมืองคือแบบแผนความคิดที่ใช้เป็นหลักยึดในการตัดสินใจบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่การกระทำใดๆ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ ตามมาตรา 73 (5) ที่ต้องถูกผูกพันด้วยหลักการแห่งสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของพรรคตามบทกฎหมายได้
“หากพรรคการเมืองดำเนินนโยบายผิดพลาด บกพร่อง พรรคการเมืองย่อมมีความรับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชนอยู่แล้ว การที่พรรคการเมืองคิดนโยบายเป็นเรื่องที่ได้ศึกษา ประเมิน และมีความมั่นใจว่าสามารถทำตามนโยบายได้ แต่หากไม่สามารถทำได้ก็รับผิดชอบไป ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจสนับสนุนของประชาชน ไม่ใช่เรื่องการกระทำความผิดที่จะมีโทษถึงขั้นยุบพรรคการเมือง” รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายชุมสาย กล่าวว่า นโยบายต่างๆ ที่พรรคการเมืองทุกพรรคคิดและประกาศว่าจะใช้บริหารประเทศที่มีผลถึงประชาชนนั้น ไม่ได้เป็นการเสนอให้ประโยชน์ต่างตอบแทนให้กับปัจเจกบุคคลว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยแล้วคุณจะได้ประโยชน์นั้นๆ เป็นเรื่องที่ทุกคนในประเทศได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งหมด หากนโยบายได้รับการผลักดันไปสู่การปฏิบัติและมีผลสำเร็จ คนที่ไม่เลือกพรรคเพื่อไทยก็ได้ประโยชน์ด้วย เป็นประโยชน์สาธารณะ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังจากเศรษฐกิจซบเซาจากความล้มเหลวในการบริหารของรัฐบาลชุดก่อน การหยิบประเด็นเรื่องนโยบายพรรคการเมืองซึ่งได้รับการรับรองคุ้มครองไว้ในรัฐธรรมนูญมาเชื่อมโยงกับกฎหมายลูกในระดับ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญซึ่งมีลำดับศักดิ์กฎหมายต่ำกว่า และมีเจตนารมณ์และความมุ่งหมายแตกต่างกันกับผู้กระทำผิดในลักษณะปัจเจกบุคคล ถือเป็นการบังคับใช้กฎหมายผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์มาก
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวคลอดในรัฐบาล คสช. และให้อำนาจ กกต. มากเกินจำเป็น ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ควรมีอำนาจยุบพรรคด้วยเหตุนี้ การสร้างกฎหมายในลักษณะเช่นนี้เป็นการทำลายสถาบันทางการเมือง ซึ่งเป็นเจตจำนงของประชาชนโดยแท้ ทำให้การเมืองอ่อนแอ เปิดทางให้อำนาจพิเศษอื่นแทรกแซงได้ นโยบายของพรรคการเมืองในฐานะเป็นศูนย์รวมเจตจำนงของประชาชน เพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศหากต้องขึ้นอยู่ภายใต้อำนาจ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ที่อยู่ภายใต้กำกับของรัฐบาล โดยให้อำนาจยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคได้ นี่คือความผิดเพี้ยนขนานใหญ่ หากผู้มีอำนาจสามารถครอบงำองค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญได้ พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามจะตกอยู่ในอันตรายทันที อย่างไรก็ดี บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวควรต้องถูกแก้ไขในรัฐบาลหน้า
“พรรคการเมืองที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก่อนเข้าบริหารประเทศต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นสถาบันตัวแทนของประชาชน จึงมีความเชื่อมโยงกับฉันทานุมัติของประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้น นโยบายอาจผิดพลาดได้ แต่ไม่ใช่เรื่องการผิดกฎหมาย นโยบายของรัฐบาลชุดก่อนที่ประกาศและอยู่จนครบเทอม และซึ่งก็ทำไม่ได้ ไม่เห็นมีใครหาเหตุยื่นยุบพรรค พอเป็นพรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายออกมา ยังไม่ทันได้ทำงาน ขาประจำออกมาประสานเสียงยื่นยุบพรรคทันที กกต. ก็ขยันต่อเนื่อง ทำสิ่งที่สังคมกังขาก็หลายเรื่อง เรื่องควรทำไม่ทำก็ไปรอวิบากกรรมก็แล้วกัน” นายชุมสาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย