มูลนิธิป่ารอยต่อ 19 เม.ย.-พล.อ.ประวิตร ประชุม 2 คณะ ห่วงชาวบ้านกระทบที่ทำกิน พื้นที่ทับซ้อนป่าสงวนฯ และ เร่งปกป้อง”วาฬบรูด้า-หญ้าทะเล” มุ่งอนุรักษ์ธรรมชาติ ให้ยั่งยืน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ เรื่องสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จากกรณีพื้นที่นิคมสร้างตนเองทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีมติให้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี บางส่วนในท้องที่ ต.บ่อนอก ต.อ่าวน้อย ต.เกาะหลัก ต.คลองวาฬ ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ตาลและป่าแม่ยุย และป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่หาด บางส่วน ที่ทับซ้อนกับพื้นที่ตามพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง ในท้องที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ พ.ศ. 2512 และให้นำเสนอ ครม.ต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่18) พ.ศ.2566 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 19 มี.ค.66 โดยเพิ่มบทบัญญัติว่าด้วย มาตรการควบคุมการทิ้งขยะในทะเล จากเรือและแท่น ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และได้พิจารณาเห็นชอบ กำหนดสถานีสำรวจติดตามสถานภาพทรัพยากร”หญ้าทะเล”จำนวน 128 สถานี เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลให้คงอยู่อย่างยังยืน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยพบแหล่งหญ้าทะเลครอบคลุมพื้นที่ 17 จังหวัด ชายฝั่งอ่าวไทย และทะเลอันดามัน รวมพื้นที่ประมาณ 160,628 ไร่ และจะนำมาบรรจุในรายงานสถานการณ์ฯ ประจำปีต่อไป
พร้อมทั้งได้เห็นชอบ การกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครอง “วาฬบรูด้า” จากกิจกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 116 ตัว และมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 8,000 คน/ปี ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้น และมีความเสี่ยงอันตราย อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิต และพฤติกรรมทางธรรมชาติของ “วาฬบรูด้า” ในอนาคตอันใกล้ได้ พล.อ.ประวิตร ขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการขับเคลื่อนงานซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมกำชับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ปฏิบัติตามมติของที่ประชุมโดยเคร่งครัด คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และเพื่อการอนุรักษ์ใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน และเพื่อลูกหลานคนไทยสืบไปต่อไป.-สำนักข่าวไทย