“พร้อมพงศ์” ร้อง ป.ป.ช. สอบ “บิ๊กป้อม” ปมคลิปเสียงหลุด

ป.ป.ช. 12 ก.ย.- “พร้อมพงศ์” หอบหลักฐานร้อง ป.ป.ช. สอบ “บิ๊กป้อม” ปมคลิปเสียงหลุด เรียกรับเงิน ส่งศาลอาญาฯ ปิดสวิตช์ ป.บ้านป่า จ่อร้อง “กกต.-ปปง.” เพิ่ม ย้ำงานนี้ป่าแตกแน่นอน


นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคพื่อไทย ยื่นเรื่องร้องเรียนเอาผิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นเจ้าพนักงานรัฐ กระทำผิด รัฐธรรมนูญในเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 172 ,173 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมทั้งประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงหลุด”เรียกรับเงิน” ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ทางรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ช่อง 9 MCOT เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยขอให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาไต่สวน ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงนักการเมืองดำเนินคดีฐานเรียกรับเงิน

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่าได้มายื่นเอกสารร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. กรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงเรียกรับเงิน จำนวน 4 คลิป ซึ่งมีคลิปสำคัญคล้ายเสียงพล.อ. ประวิตร สนทนากับ “ไอ้โอ๋” ซึ่งจากการตรวจสอบร่วมกับทีมงาน พบว่าคลิปเสียงไอ้โอ๋ คล้ายกับเสียงของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยมีการเรียกรับเงิน ซึ่งมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นอดีตถึงรองนายกรัฐมนตรี และส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และทำผิดกฎหมายของ ป.ป.ช. ทันที ตามมาตรา 172, 173 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นอกจากนี้ตนยังมองว่าสอดคล้องกับข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 ซึ่งต้องยอมรับว่าหมองูอาจตายเพราะงู นายไพบูลย์ นิติตะวัน จะต้องไปดู โดยเฉพาะข้อ 60 ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนืออื่นประโยชน์ของตน ข้อ 61 ต้องปฏิบัติ หน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติกรรม รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตน ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ข้อ 62 ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับหรือยอมรับทรัพย์สิน ข้อ 63 ต้องไม่รับ ของขวัญ ของกำนัล และคลิปเสียงที่มีการพูดถึงเงิน ใช้คำเรียกว่านาย ที่จะใช้เรียกนายทหารหรือนายตำรวจ


นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เมื่อไปดูคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ 1246/2510 ความผิดของเจ้าพนักงาน หากกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่ง โดยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เพียงแต่เรียกก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว แม้ยังไม่ได้ทรัพย์ที่เรียกไปก็ตาม ดังนั้นวันนี้ตนจึงมายื่นเอกสารหลักฐานต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบ เชื่อว่าการพิสูจน์ว่าจะเป็นคลิปจริงหรือไม่กระบวนการวิทยาศาสตร์ทำได้อยู่แล้ว อีกทั้ง 1 ใน 4 คลิป ก็ยังมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทย ได้ยืนยันว่าเป็นคลิปเสียงจริง พูดระหว่างที่พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลความมั่นคง และกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ตรงนี้เชื่อว่า จะฝังทั้งเป็น เพราะการแต่งตั้งราชการเป็นลักษณะการขอ ให้ใครดำรงตำแหน่งไม่ได้ อำนาจการแต่งตั้งเป็นอำนาจของรัฐมนตรี กับปลัดกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น ไม่มีรองนายกเข้าไปเกี่ยวข้อง

“ดังนั้นพวกลิ่วล้อหางเครื่องที่ออกมาแก้ตัว ลักษณะที่แถเป็นคลิป AI ผมมองว่าออกตัวแรงไป ทั้งโฆษกและรองโฆษก ถ้ามือเก๋าๆ แบบพวกผมจะไม่กล้าออกมา เพราะวันนี้คนที่พูดน้ำหนักมันชัดเจน เพราะข้าราชการระดับ ซี 11 ดังนั้นเดี๋ยวจะได้เห็น และในวันที่ 13 ก.ย. ผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในกรณีที่คนเป็นอดีตรองนายกฯ รับรองพรุ่งนี้ป่าแตก และวันที่ 16 ก.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินตั้งแต่ปี 2558″นายพร้อมพงศ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการออกมาเปิดเผยคลิปเสียงเป็นนัยยะทางการเมืองหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่าไม่ทราบว่ามีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ แต่มองว่าข้อเท็จจริงที่ออกมาผ่านสื่อมาตรฐาน ถ้าไม่แน่จริงเขาคงไม่ปล่อยออกมา ในแง่ของการทำคลิปตนมีประสบการณ์ ต้องเป็นลักษณะของการเปิดลำโพง (speaker Phone) ในการสนทนา ซึ่งคิดว่าน่าจะมาจากคนใกล้ชิด จะเป็นบริวารเป็นพิษหรือไม่ก็ต้องไปถามคนบ้านป่าดู เราตอบไม่ได้แต่เมื่อคลิปออกมาจริง และมี 1 ใน 4 คลิป ที่ทางปลัดมหาดไทยออกมายืนยันว่าพูดจริง คลิปจริง ก็ถือเป็นการตบปาก ฉะนั้นคนที่แก้ตัวให้ปิดปากเถอะ อีกทั้งการตรวจสอบคลิปก็ไม่ยาก และประสบการณ์ถ้าคิด AI จะไม่เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าพูดจริงมันจะเป็นธรรมชาติ กระบวนการวิทยาศาสตร์ทั้งไทยและต่างประเทศยืนยันได้แน่นอน


เมื่อถามว่า มีคนพยายามเชื่อมโยงตระกูลรัตนเศรษฐ์ที่ทยอยออก นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่าไม่ทราบ ไม่มโนขนาดนั้น แต่มองว่าเมื่อมีคนปล่อยออกมาแบบนี้ และเชื่อว่าเขาคงมีดี ตอนนี้มีคลิปเสียงต่อไปอาจจะมีคลิปภาพด้วยก็ได้ ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นใครที่ออกตัวก็ต้องเบรคให้ทัน ส่วนจะเป็นการขาดประโยชน์ภายในหรือไม่ คนนอกอัดคลิปเสียงไม่ได้หรอก ต้องเป็นคนใน แต่จะเป็นกลุ่มไหนตนไม่ทราบ ยุคนี้เป็นยุคเทคโนโลยีไม่เหมือนปี 2539 ตอนนี้ปี 2567 คนมีโทรศัพท์ก็อัดได้ทั้งหมดทั้งภาพทั้งเสียง AI ทำไม่ได้หรอก ประชาชนกินข้าว ไม่ได้อยากกินอย่างอื่น อย่างที่คุณปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคฯ ออกมาบอกว่าเป็น AI เพื่อที่จะดิสเครดิต ย้ำว่าไม่ใช่การดิสเครดิต แต่วันนี้กรรมตามทัน อะไรที่ทำเขาไว้เยอะ ถึงเวลาก็เป็นวิบากกรรม ทุกวันนี้กรรมติดจรวดและติดออนไลน์ เชื่อว่างานนี้ป่าแตก ถือเป็นการปิดสวิตช์ ป.บ้านป่า

ทั้งนี้ตามมาตรา 173 เจ้าพนักงานรัฐผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1 แสนถึง 4 แสนบาท .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย