“อนุทิน” เผยโค้งสุดท้ายไม่มีไม้เด็ด เน้นจริงใจ สม่ำเสมอ

สมาคมแต้จิ๋ว 19 เม.ย.- “อนุทิน” หาเสียงเอาใจคนรักสุขภาพยามเช้า ขึ้นรถแห่ – เผยโค้งสุดท้ายไม่มีไม้เด็ด  เมินเสียงวิจารณ์ภูมิใจไทยไม่ติดโผความนิยมในกทม. ชี้แข่งขันเรื่องปกติ ยิ่งแข่งประชาชนยิ่งได้ประโยชน์ เน้นจริงใจ ทำสม่ำเสมอ เชื่อผู้สมัคร กทม.ทำคะแนนให้พรรคได้


นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ช่วยน.ส. พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ผู้สมัครส.ส. กทม.เขต 2  (ปทุมวัน สาทร ราชเทวี) หาเสียงเลือกตั้งที่สวนสุขภาพสมาคมแต้จิ๋ว เขตสาทร โดยพบปะทักทายกับพี่น้องประชาชนที่มาออกกำลังกาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ขอคะแนนเสียงให้กับน.ส.พัชรินทร์ ผู้สมัครหมายเลข 12 และขอให้ช่วยกันเลือกพรรคหมายเลข 7 ซึ่งมีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปจำนวนมาก หลายคนเข้ามาอวยพรสนับสนุนให้นายอนุทินได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย จากนั้นได้ขึ้นรถแห่หาเสียง บริเวณตลาดเซ็นต์หลุยส์และตลาดกิตติ ถนนจันทร์ เพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน ในพื้นที่ และแวะพักรับประทานอาหารเช้า ร่วมกับผู้สมัครของพรรค

ส่วนกระแสนิยมของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังลงพื้นถี่ขึ้น มีความหวังมากน้อยเพียงใด นายอนุทิน กล่าวว่า เราทำงานและมั่นใจในนโยบายต่าง ๆ ของพรรค และความขยันของผู้สมัครที่จะทำคะแนนให้กับพื้นที่และทำคะแนนให้กับพรรคภูมิใจไทยได้ ส่วนที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครขณะนี้ มี 3 พรรคการเมืองที่แข่งกันอยู่ในขณะนี้ ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยยิ่งลงพื้นที่ หาเสียงให้ตัวเองมากขึ้น


“เราต้องต่อสู้เต็มที่ ลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชนให้มากขึ้น อธิบายนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การแข่งขันถือเป็นเรื่องปกติ ยิ่งแข่งขันประชาชนยิ่งได้ประโยชน์ ซึ่งเมื่อดูจากโพลตัวเองในพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้วก็มีความมั่นใจในส่วนของผู้สมัครที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว และมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะพิจารณานโยบายของพรรคภูมิใจไทยในส่วนที่เป็นบัตรบัญชีรายชื่อด้วย” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว

สำหรับการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีความมั่นใจและมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการผลักดันนโยบายมารับใช้บ้านเมือง จึงคิดว่าไม่ต้องมีไม้เด็ดอะไร ขอแค่ทำอย่างสม่ำเสมอ และมีความจริงใจต่อภารกิจที่เราได้รับมอบหมายจากประชาชน ไม่ใช่มาขอคะแนนแล้ว4ปีหายไป ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงเป็น ส.ส.ได้เพียงครั้งเดียว และจะไม่มีวันได้เกิดในทางการเมืองอีกเลย

ส่วนที่หลายพรรคการเมืองมีนโยบายจูงใจด้วยการแจกเงิน หัวหน้าพรรคภุมิใจไทย กล่าวว่า แต่ละพรรค ใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบในนโยบายของตัวเอง ถ้าพูดไปแล้วถึงเวลาจริงทำไม่ได้ประชาชนก็จะไม่เชื่อถืออีกต่อไป ทำการเมืองจะทำครั้งเดียวไม่ได้ สภาฯ หลังเลือกตั้งเข้ามาจะอยู่นานหรือไม่นานก็ไม่รู้ พูดอะไรแล้วทำไม่ได้ ความเชื่อถือของประชาชนก็จะลดน้อยลงไป


“เราเห็นตัวอย่างมามากมายแล้ว  แต่พรรคภูมิใจไทยจะไม่ไปก้าวล่วงหรือพูดถึงพรรคอื่นว่า นโยบายทำไม่ได้ ทั้งนี้ คนที่เป็นระดับหัวหน้าพรรค เสนอตัวเป็นผู้แทน เป็นผู้นำของประเทศ คำพูจะต้องมีน้ำหนัก จะต้องทำให้ได้ไม่ใช่พูดไปเรื่อยๆเพื่อหวังคะแนน พรรคภูมิใจไทยไม่ทำแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง