กรุงเทพฯ 16 เม.ย. – “เศรษฐา” ขอ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินบ้าง ประชาชนเดือดร้อนทุกหัวระแหง เชื่อนโยบายเพื่อไทยตอบโจทย์ ประกาศเป็นฝั่งตรงข้ามความยากจน-ความไม่เสมอภาค ค่อยว่ากันจะจับหรือไม่จับมือกับใคร
วันนี้ (16 เม.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงความมั่นใจในช่วงโค้งสุดท้าย อีก 29 วันก่อนการเลือกตั้ง ว่า มีความมั่นใจในความนิยมของพรรคเพื่อไทย แต่อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของผู้สมัคร ส.ส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องหมั่นลงพื้นที่ให้เยอะ สื่อสารนโยบาย ตอบข้อสงสัยที่ยังไม่ชัดเจน เพื่อช่วยผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยให้เป็นที่เข้าใจของประชาชน โดยจะเน้นลงพื้นที่ที่คะแนนสูสี จากข้อมูลที่มีทีมงานช่วยประเมินอยู่ ทั้งนี้จะต้องทำงานหนัก บางวันอาจต้องไปหลายที่ หลายเวที ซึ่งตนไม่กลัวงานหนัก แต่ขอให้ได้ช่วยผู้สมัครได้อย่างเต็มที่ ครบถ้วนชัดเจนดีกว่า
“ผมว่าเราทำดีขนาดไหนก็ยังไม่เป็นที่ดีพออยู่ดี เพราะเราคิดอยู่เสมอว่าเรายังทำไม่ดีพอ นโยบายดีๆของพรรคเพื่อไทย มีเยอะมาก ก็ต้องค่อนๆทยอยเผยแพร่ไปเรื่อยๆ โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมกับผู้สมัคร ส.ส. กทม. เพื่อเน้นบางนโยบายในบางพื้นที่ ที่อาจยังพูดไม่เต็ม หรือยังอธิบายได้ไม่ชัดเจน เรามีการปรับแผนตลอด” นายเศรษฐา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายให้เงินเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน กับของเพื่อไทยที่ให้เงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าการให้เงินควรให้เฉพาะกลุ่ม นายเศรษฐา คิดเห็นอย่างไร
“ท่านคิดว่า ตลอดเวลาที่ท่านอยู่มา 8 ปีเนี่ย ประชาชนทุกกลุ่มไม่ได้เดือดร้อนไปทั่วระหองระแหงเหรอครับ ผมว่าท่านกลับไปดูใหม่ พยายามได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินบ้าง และท่านเองจะเข้าใจถ่องแท้ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน นโยบายของพรรคเพื่อไทยเราครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกเหล่า ทุกคน เพราะเรามั่นใจว่า เราคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” นายเศรษฐา กล่าวให้ความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลโพลความนิยมของพรรคก้าวไกล หายใจรดต้นคอ พรรคเพื่อไทยควรประกาศความชัดเจนเรื่องฝั่งตรงข้ามขั้ว เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า “ฝั่งตรงข้ามของพรรคเพื่อไทย คือ ความยากจน ความไม่เท่าเทียม ความไม่เสมอภาคของสังคมไทย เพราะฉะนั้นเราเดินหน้าเพื่อให้ได้คะแนนเสียงสูงที่สุด แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันว่าจะจับมือกับใครหรือไม่จับมือกับใคร” .-สำนักข่าวไทย