กรุงเทพฯ 27 มี.ค. – เริ่มแล้ว! ปชป.จัดโรดโชว์ เปิดนโยบาย กทม. วันแรก ที่ตลาดเอี่ยมสมบัติ “องอาจ” ประกาศพร้อมลุยทุกเขต ขอคะแนนหนุนทั้งคนทั้งพรรค ขณะที่ “ดร.เอ้” อ้อนขอโอกาสได้ทำงาน “ผู้การแต้ม” ขอต่อสู้ยาเสพติด ประกาศลั่นไม่เอากัญชาเสรี เอื้อพรรคการเมืองและนายทุน-ต้านทุจริต ด้าน “มาดามเดียร์” ชูนโยบายแก้วิกฤติเศรษฐกิจ ย้ำความเป็นสถาบันการเมือง พึ่งพิงได้ ไม่ขายฝัน
พรรคประชาธิปัตย์ จัดกิจกรรมโรดโชว์ เปิดนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กทม. วันแรก ที่บริเวณแยกศรีนุช (ถนนอ่อนนุช ตัดกับถนนศรีนครินทร์) นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม., ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม., พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่-จตุจักร, นายจักรวี วิสุทธิผล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสวนหลวง-ประเวศ และนายกิตพล เชิดชูกิจกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสะพานสูง-ประเวศ
โดยมีการตั้งเวทีรถโมบายหาเสียงขนาดใหญ่ ตรงข้ามตลาดเอี่ยมสมบัติ เริ่มด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ได้ขึ้นมากล่าวทักทายประชาชนที่มาจับจ่ายและสัญจรไปมา พร้อมบอกว่ารถคันนี้จะขับเคลื่อนไปทุกพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ตามวิถีทางของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไปพบปะพี่น้องประชาชน เพื่อไปพูดคุยและขอคะแนนเสียงสนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ทุกเขต และย้ำขอให้เลือกทั้งคนทั้งพรรค
จากนั้น “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ ได้กล่าวขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนทำให้ “ดร.เอ้” คะแนนมาเป็นลำดับที่ 2 และวันนี้ตนยังอยู่ที่นี่ อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และสัญญาว่า ทุกคะแนนเสียงที่สนับสนุน จะทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ก่อนจะโชว์วัดค่าฝุ่น PM 2.5 ซึ่งบริเวณนี้สูงถึง 80 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรกที่ประกาศสงครามกับฝุ่นพิษ และเป็นพรรคแรกที่ประกาศนโยบายกรุงเทพฯ ต้องไม่จมน้ำ อีกทั้งตนเป็นคนดูแลโดยตรงด้านนโยบายการศึกษา ที่ต้องให้คนไทยเรียนฟรีถึง ป.ตรี, นโยบายนมโรงเรียน 365 วัน พร้อมกล่าวว่า ตนเข้าใจดีว่าประชาชนหาเช้ากินค่ำ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องเลือกผู้แทนเข้าไปทำงานแทน ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์อยากทำงานวันนี้ เสียใจที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.ในกรุงเทพมหานครแม้แต่คนเดียว ดังนั้น จึงขอเสียงสนับสนุน ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ได้เข้าไปทำงานในสภาฯ และผลักดันนโยบายเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติจริงต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ประกาศย้ำถึงนโยบายด้านยาเสพติด และต่อต้านการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ “ไม่เอากัญชา ทำลายยาบ้า ยาเสพติด ปราบทุจริต ที่เป็นวิกฤติชาติ” พร้อมย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอากัญชาเสรีโดยเด็ดขาด แต่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ และไม่เอากัญชาออกจากยาเสพติดโดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นการเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองและนายทุน รวมถึงประกาศพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาการทุจริต หากได้เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ออกกฎหมายให้ผู้กระทำผิด ผู้ช่วยเหลือและผู้สนับสนุนให้เกิดการทุจริต ต้องรับโทษเท่ากันสถานเดียว คือ การประหารชีวิต ขอให้เชื่อมั่นในตัวผู้สมัครของพรรค เชื่อมั่นในตัวหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ว่าจะสามารถมาเป็นผู้นำประเทศ มีความรู้ มีประสบการณ์เป็น ส.ส. มาถึง 11 สมัย เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และขอถามว่า ประชาชนจะเอาผู้นำที่พาแต่ครอบครัวตัวเองเข้ามาทำงาน ผู้แทนที่ดีแต่โมโห โกรธ ผู้นำที่เดินแบบเพนกวิน ผู้นำที่พี้กัญชาทุกวัน จะเอาหรือไม่?
ขณะที่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ปัญหาเรื่องเงิน วิกฤติปากท้อง เป็นปัญหาหลักของชาวกรุงเทพฯ สืบเนื่องมาตั้งแต่วิกฤติโควิด ตามมาด้วยวิกฤติสงคราม ทำให้ต้นทุนต่างๆ สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นตามมา และปัญหาเหล่านี้ได้รับผลกระทบทั่วโลก ซึ่งบรรดานักวิชาการทั่วประเทศได้ออกมาพูดแล้วว่า ปัญหาหลักที่สำคัญที่ใหญ่ที่สุดในปี 2566 คือ ปัญหาเศรษฐกิจ
“กว่า 77 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่พึ่งพาให้กับคนกรุงเทพฯ และคนไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่เข้ามากู้วิกฤติ โดยมีนายชวน หลักภัย เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์มีผลงาน และแน่นอนว่า พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่จะเป็นสถาบันการเมือง ที่จะเป็นที่พึ่งพาให้กับประชาชน” น.ส.วทันยา กล่าว
น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผ่าน 7 กระทรวง เข้าใจกลไกในการทำงาน เข้าใจระบบบริหารงบประมาณแผ่นดิน เป็น ส.ส.ถึง 11 สมัย เรามีรากฐานจากประชาชน และยึดเป็นอุดมการณ์ในการทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ยังมีผู้สมัครที่ไม่น้อยหน้า แต่นำหน้าผู้สมัครพรรคอื่นๆ โดยเฉพาะผู้สมัครทั้งในเขตสวนหลวง และเขตประเวศ ซึ่งมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ อีกทั้งยังมีนโยบายที่ทำได้จริง ไม่ใช่การขายฝัน เพราะยึดหลักว่า พูดอะไรไป ต้องทำได้ เพราะพรรคยังจะอยู่กับประชาชนอีกนาน ไม่ใช่นโยบาย ลด แลก แจก แถม โดยไม่คำนึงถึงอนาคต เพราะเลือกตั้งรอบหน้าพรรคก็ไม่อยู่อีกต่อไป
น.ส.วทันยา ยังย้ำถึงนโยบายธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2 ล้านบาท, เงินทุน SME 300,000 ล้านบาท เพื่อให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงิน แหล่งทุน สำหรับนำมาขยายกิจการ รวมถึงนโยบายกองทุนไอเดียหมื่นล้าน สนับสนุนงบประมาณให้กับผู้มีความคิดสร้างสรรค์ นำเงินไปเปลี่ยนเป็นธุรกิจได้ นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ โดยตั้งกองทุนชมรมผู้สูงวัย ปีละ 30,000 บาท
“หวังว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจ ทำงานซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง จะทำให้วันที่ 14 พ.ค.นี้ พี่น้องชาวตลาดเอี่ยมสมบัติ จะลงคะแนนให้กับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น” น.ส.วทันยา กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง นายจักรวี วิสุทธิผล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสวนหลวง-ประเวศ และนายกิตพล เชิดชูกิจกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสะพานสูง-ประเวศ ขึ้นมาแนะนำตัว ขอคะแนนสนับสนุนให้ได้เป็นผู้แทน เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ ทำประโยชน์ให้กับประชาชนต่อไป. – สำนักข่าวไทย