นายกฯ พอใจ 3 ปี ดึงบิ๊กคอร์ปลงทุน 5 อุตสาหกรรมมุ่งเป้า

ทำเนียบรัฐบาล 6 มี.ค.- นายกรัฐมนตรีพอใจ 3 ปี ดึงบิ๊กคอร์ปลงทุน 5 อุตสาหกรรมมุ่งเป้า 6 แสนล้านบาท บอร์ดบีโอไอ มี.ค.นี้ เตรียมอนุมัติอีกหลายโครงการใหญ่ ยกเป็นผลงาน “ทีมไทยแลนด์” พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยลุยงานหนักดันไทยเป็นจุดหมายนักลงทุนสำเร็จ


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ถึงความคืบหน้าการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งพบว่าใน 3 ปีที่ผ่านมา (2563-65) ได้มีบรรษัทข้ามชาติใหญ่ระดับโลกเลือกใช้ไทยเป็นฐานลงทุนธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะใน 5 อุตสาหกรรมมุ่งเป้า ประกอบด้วย ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ BCG และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมกัน 2,687 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาท

นายกรัฐมนตรีพอใจกับการเติบโตของการลงทุนที่เกิดขึ้น และถือเป็นผลสะท้อนที่เป็นรูปธรรมแสดงให้เห็นว่าต่างชาติเชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาล พื้นฐาน ศักยภาพของประเทศไทยและคนไทย โดยนายกรัฐมนตรียกให้ความสำเร็จนี้เป็นผลงานของทีมไทยแลนด์ ของทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นทีมปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ บีโอไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันทำงานอย่างหนักท่ามกลางการแข่งขันกับประเทศต่างๆที่เร่งดึงดูดนักลงทุนเช่นกัน แต่ทีมไทยแลนด์ก็สามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนทั่วโลกเลือกเป็นฐานการผลิตได้


“ในเดือน มี.ค.นี้ จะมีการประชุมบอร์ดบีโอไออีก 1 ครั้ง ซึ่งสำนักงานบีโอไอจะนำเสนอโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายโครงการให้บอร์ดอนุมัติให้การส่งเสริม การที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยต่อเนื่องนี้ ทำให้นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่ารัฐบาลได้กำหนดนโยบายมาถูกทางและได้การวางรากฐานให้อุตสาหกรรมใหม่ของประเทศให้เข้มแข็งต่อไปในอนาคต” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำนักงานบีโอไอ รายงานถึงรายละเอียดการขอรับส่งเสริมการลงทุนของบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ใน 5 อุตสาหกรรมมุ่งเป้า รวม 2,687 โครงการ เงินลงทุนรวม 6 แสนล้านบาท ดังนี้ 1)อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรวมถึงสถานีอัดประจุไฟฟ้า 46 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 78,115 ล้านบาท 2) อุตสาหกรรมดิจิทัล 420 โครงการ มูลค่า 64,481 ล้านบาท 3)อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 92 โครงการ มูลค่า 113,990 ล้านบาท 4)อุตสาหกรรม BCG 1,911 โครงการ มูลค่า 305,170 ล้านบาท และ 5)อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 218 โครงการ มูลค่า 53,104 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง