เชียงใหม่ 20 ก.พ – กรมอนามัยจับมือ สสส.ร่วมผลักดันห้องปลอดฝุ่นในศูนย์เด็กเล็ก ปกป้องคุณภาพชีวิตของเด็กไทย ย้ำแม้วันนี้สถานการณ์ฝุ่นจะดีขึ้น เพราะฝนตกช่วย แต่ฝุ่น PM 2.5 ยังอยู่ถึง เม.ย. เร่งสร้างห้องปลอดภัย แจงแต่ละพื้นที่สถานการณ์ฝุ่นแตกต่างกัน สามารถใช้กฎหมายบังคับใช้ทั้งหมดต้องจูงใจด้วยองค์ความรู้ งบท้องถิ่น ช่วยผลักดัน ส่วนพื้นที่ต่อไปที่ต้องเร่งแก้ฝุ่น คือ กทม.
นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วยนายชาติวุฒิ วังวล ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. เปิดการประชุมวิชาการเชิงปฏิบัติการ เรื่องนวัตกรรมห้องปลอดฝุ่นและขับเคลื่อนชุมชน เพื่อลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างยั่งยืน พร้อมชมนวัตกรรมการกำจัดฝุ่นขนาดเล็ก ที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันคิดค้นและจัดแสดงขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาฝุ่น โดยย้ำถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนสถานการณ์ฝุ่นวิกฤติ แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาฝนตกทำให้สถานการณ์ฝุ่นคลี่คลาย จากการวัดเหลือเพียง 22 ไมครอน อย่างไรก็ตาม ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เกิดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ดังนั้น ต้องเร่งแก้ไขปัญหา โดยย้ำหลักการสำคัญ คือ กันฝุ่นเข้ากรองฝุ่นภายในและดันฝุ่นออก โดยพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ประสบสถานการณ์ปัญหาฝุ่นจากการเผา ส่วน กทม.ปัญหาฝุ่นเกิดจากการจราจร ดังนั้น แต่ละพื้นที่จะมีบริบทและการแก้ไขปัญหาแตกต่างกันและไม่สามารถใช้กฎหมายบังคับได้ทั้งหมด เพราะบางพื้นที่ไม่ได้มีปัญหาฝุ่น
สำหรับพื้นที่ที่เห็นตรงกันว่าต้องปลอดฝุ่น คือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพราะจะมีผลต่อพัฒนาการระบบการหายใจเร็วกว่าผู้ใหญ่และจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตระยะยาว จึงได้เกิดนวัตกรรมห้องปลอดฝุ่นขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์เด็กเล็กที่เป็นต้นแบบห้องปลอดฝุ่นรวมกว่า 30 แห่งแล้ว แต่ทำอย่างไรต้องมีการจงใจและสนับสนุนให้เกิดพื้นที่ปลอดโฟมโดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่ที่มีปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กให้ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงเตรียมหารือกับท้องถิ่นในส่วนของมหาดไทยจำกัดและลงโทษเรื่องของการเผาในพื้นที่สาธารณะ ส่วนระดับท้องถิ่นอย่างระดับตำบลและอำเภอต้องสนับสนุนให้มีห้องปลอดฝุ่นในพื้นที่ศูนย์เด็กเล็ก โดยใช้งบท้องถิ่นร่วมและห้องมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมราคาถูกที่จับต้องได้ โดยต้องร่วมกับสถาบันการศึกษา เพื่อนำองค์ความรู้มาช่วยเหลือในพื้นที่ ส่วนพื้นที่นำร่องต่อไปที่ต้องเร่งทำศูนย์เด็กเล็กปลอดฝุ่น ได้แก่กรุงเทพมหานคร รองลงมากาฬสินธุ์ ขอนแก่น และภาคใต้บางพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบต่อฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้าน
นายชาติวุฒิ กล่าวว่า สสส.พร้อมนำองค์ความรู้สนับสนุนและขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาฝุ่นในระดับพื้นที่ รวมถึงในอนาคตที่จะมีการเลือกตั้งนี้ยังพร้อมนำข้อมูลให้กับพรรคการเมืองที่สนใจ เพื่อกำหนดและขับเคลื่อนเป็นนโยบายในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในระดับภาพรวมของประเทศอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย