9 ต.ค. – CNN ออกแถลงการณ์เสียใจ กรณีทีมข่าวเข้าไปทำข่าวในจุดเกิดเหตุกราดยิงในศูนย์เด็กเล็ก ยืนยันไม่มีเจตนาใด ๆ ที่จะก้าวล่วงกฎข้อบังคับ และระงับการเผยแพร่รายงานชิ้นดังกล่าวแล้ว ด้านสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) ชี้เป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมืออาชีพ
กรณีนักข่าวสำนักข่าว CNN เข้าไปรายงานภายในสถานที่เกิดเหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ ทำให้สังคมเกิดความไม่พอใจ โดยเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นายดนัยโชค ดาโสม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.นากลาง ให้ดำเนินคดีกับทีมสำนักข่าวต่างประเทศ หลังฝ่าฝืนบุกเข้าไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ ที่เกิดเหตุกราดยิง ซึ่งปิดกั้นพื้นที่ไว้ชัดเจน โดยผู้กำกับการ สภ.นากลาง เป็นผู้ประสานให้เข้าแจ้งความในฐานะเจ้าของสถานที่ ในข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ
ด้านสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) ออกแถลงการณ์จากการรายงานข่าวดังกล่าวของซีเอ็นเอ็น โดยระบุว่า พฤติกรรมในการรายงานข่าวดังกล่าวของซีเอ็นเอ็น สร้างความตกตะลึงให้กับนักข่าวมืออาชีพซึ่งเป็นสมาชิกของ FCCT เนื่องจากทีมข่าวของซีเอ็นเอ็นได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ โดยไม่ได้รับอนุญาต “ชัดเจนว่าทีมข่าวซีเอ็นเอ็นได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าพวกเขาจะอ้างอย่างไรก็ตาม นี่เป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมืออาชีพ และถือว่าละเมิดจริยธรรมของผู้สื่อข่าวในการรายงานข่าวอาชญากรรมอย่างร้ายแรง”
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศยังยืนยันด้วยว่า ไม่มีสื่อองค์กรใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อต่างชาติ หรือสื่อท้องถิ่นอื่นใดที่คิดหรือเตรียมการในการปฏิบัติตัวอย่างไร้มารยาทอย่างที่ซีเอ็นเอ็นทำ พร้อมกับทิ้งท้ายแถลงการณ์ด้วยว่า หากเป็นเหตุอาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในสหรัฐ ซีเอ็นเอ็นจะทำเช่นเดียวกับที่ทำในประเทศไทยหรือไม่
ขณะที่บัญชีทวิตเตอร์ ชื่อว่า CNN International PR ชี้แจงอ้างว่า ทีมข่าวซีเอ็นเอ็นได้เข้าไปถ่ายทำในศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู กับสื่ออื่น ๆ ในช่วงเวลาที่เส้นแนวกั้นของตำรวจถูกเอาออกไปแล้ว ขณะกำลังเก็บภาพ เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข 3 คน เข้ามาพูดและบอกทีมข่าวว่าให้เข้าไปถ่ายทำด้านในได้ ทีมข่าวได้ใช้เวลาในการเห็บภาพฟุตเทจราว 15 นาทีและออกมา ขณะนั้นเส้นแนวกั้นของตำรวจกลับถูกติดตั้งให้เหมือนเดิม ทีมข่าวจึงต้องปีนข้ามรั้วของศูนย์เด็กเล็กเพื่อออกจากจุดดังกล่าว
ด้านสภาทนายความได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว ในขณะที่ทั้งสองผู้สื่อข่าวถือวีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นการทำหน้าที่อันเป็นความผิดต่อพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ของประเทศไทยอย่างชัดเจน และยังไม่รวมถึงการกระทำผิดกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องรวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิของเด็ก ซึ่งผู้สื่อข่าวในระดับนี้ต้องถือปฏิบัติและทราบโดยชัดแจ้งเป็นอย่างดีอยู่แล้ว สภาทนายความเห็นว่าพฤติกรรมการละเมิดกฎหมายของประเทศไทยของผู้สื่อข่าว CNN เป็นการกระทำผิดกฎหมาย เห็นควรที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายต้องดำเนินคดีกับผู้สื่อข่าวทั้งสองตามกฎหมายของประเทศไทยโดยเร่งด่วน ก่อนที่บุคคลทั้งสองจะเดินทางออกจากประเทศไทย
ล่าสุด มีรายงานว่า สถานีข่าวซีเอ็นเอ็น ออกแถลงการณ์ถึงการรายงานจากจุดเกิดเหตุโศกนาฏกรรมในจังหวัดหนองบัวลำภูของทีมข่าวซีเอ็นเอ็น โดยชี้แจงว่า “ทีมข่าวได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ตรงจุดนั้นแล้ว เพื่อเข้าไปในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทีมข่าวเข้าใจแล้วในเวลานี้ว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่สามารถให้อนุญาตเข้าพื้นที่ก่ออาชญากรรมได้ หากทีมข่าวตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้ ว่า อาคารและห้องเรียนเหล่านี้ เป็นพื้นที่หวงห้าม ทีมข่าวจะไม่เข้าไป ทีมข่าวไม่มีเจตนาใด ๆ ที่จะก้าวล่วงกฎข้อบังคับ”
“ทีมข่าวเข้าไปในพื้นที่ผ่านประตูหน้าที่เปิดอยู่ ซึ่งมีนักข่าวอีกหลายคนอยู่ด้วย เวลานั้นไม่มีเทปของตำรวจปิดกั้นอยู่ โดยหลังทำข่าวด้วยความเคารพต่อสถานที่ภายในอาคารราว 15 นาที ทีมข่าวจึงออกมา แต่ประตูทางเข้าได้ถูกปิด และมีการใช้เทปตำรวจปิดแล้ว ทำให้ทีมข่าวต้องปีนออกมา”
“ทีมข่าวเข้าไปในอาคารด้วยเจตนาที่ดี เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน และฉายภาพความเป็นมนุษย์แก่ผู้ชมถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น” ตอนนี้ซีเอ็นเอ็นได้ระงับการเผยแพร่รายงานชิ้นดังกล่าว และถอดวิดีโอออกจากเว็บไซต์แล้ว “เราเสียใจต่อความกังวลใจและก้าวล่วงใด ๆ ที่รายงานของเราก่อขึ้น รวมถึงการทำให้ตำรวจไทยต้องเผชิญความยากลำบากในห้วงเวลาที่น่าสลดใจของประเทศชาติ” . – สำนักข่าวไทย