ทล.นำรถติดเลเซอร์ตรวจถนนทั่วประเทศ

พัทยา 21 พ.ค. – กรมทางหลวงนำรถติดตั้งเลเซอร์ตรวจสภาพความเรียบของถนน  เพื่อให้ได้คุณภาพและมาตรฐานสากล


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สาย กรุงเทพฯ – บ้านฉาง ช่วงพัทยา – มาบตาพุด  ล่าสุดกรมทางหลวง (ทล.) ได้นำเทคโนโลยีตรวจสอบสภาพความเรียบของถนนด้วยรถที่ติดตั้งเครื่องตรวจสอบสภาพความเรียบของถนน เพื่อใช้วัดความขรุขระของผิวถนนด้วยเลเซอร์ (Laser Profilometer) โดยใช้วัดตามดัชนีความเรียบขรุขระสากล (International Roughness Index, IRI) มาใช้ในโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สาย กรุงเทพฯ – บ้านฉาง ช่วงพัทยา – มาบตาพุด

ทั้งนี้ เพื่อให้ได้สายทางที่มีคุณภาพ  ปัจจุบัน ทล.มีรถตรวจสอบสภาพความเรียบของถนน 2 คัน ใช้สำหรับตรวจสอบสภาพถนนทั่วประเทศ ซึ่งรถทั้ง 2 คัน นอกจากติดตั้งเลเซอร์เพื่อตรวจสอบสภาพผิวถนนแล้ว ยังสามารถวัดความลึกของร่องล้อบนผิวถนนได้ รวมทั้งติดตั้งกล้องสำหรับเก็บภาพสายทาง ภาพแนวเขตทาง และสภาพสายทาง เพื่อบ่งชี้ความเรียบของผิวถนนให้ได้ค่ามาตรฐานตามหลักสากลที่ค่าปกติของถนนคอนกรีตต้องมีค่าต่ำกว่า 2.5 และถนนแอสฟัลต์ต้องมีค่าต่ำกว่า 2.0 จึงจะสามารถตรวจรับงานได้


นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ทล.พัฒนายกระดับโครงข่ายทางหลวงพิเศษ  ถือว่า สอดคล้องกับยุทธศาสาตร์ชาติด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ของประเทศ เพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ปี 2560 -2564 ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ ปัจจุบันทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ขยายจากจังหวัดชลบุรีถึงพัทยา ระยะทาง 42 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างดำเนินการเข้าสู่ระบบปิดอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2560 มีจุดเริ่มต้นที่ กม.2+300 เชื่อมกับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ผ่านอำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี สิ้นสุดเทศบาลเมืองมาบตาพุด จังหวัดระยอง บริเวณ กม. 34+400 ระยะทางรวม 32 กิโลเมตร งบประมาณ 14,200 ล้านบาท เป็นงบประมาณจากกองทุนเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางของทางหลวงพิเศษ ระยะเวลาดำเนินงานก่อสร้างประมาณ 4 ปี แบ่งงานก่อสร้างในส่วนงานโยธา ออกเป็น 13 สัญญา ลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างทั้งหมด ผลงานก้าวหน้ามากกว่าร้อยละ 32 (ณ เดือนเมษายน 2560) ในส่วนของงานระบบ เช่น ระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมและบริหารการจราจร ด่านชั่งน้ำหนัก อยู่ระหว่างสำรวจ ออกแบบการก่อสร้าง และเตรียมการประกวดราคา คาดว่าจะเสร็จและเริ่มก่อสร้างปลายปี 2560

ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จเปิดให้บริการในปี 2560 จะเป็นเส้นทางสายหลักที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งระหว่างภาคกลางกับภาคตะวันออกไปยังทั่วทุกภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งสามารถรองรับการเดินทาง การขนส่งสินค้าทางเรือจากท่าเรือแหลมฉบังและนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ การขนส่งทางรถไฟ และการขนส่งทางอากาศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ และพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน.-สำนักข่าวไทย

   


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง