เร่งขยายผล “ส่วยรถบรรทุก” ลั่นสาวให้ถึงตัวการใหญ่ในกรมทางหลวง

4 ก.ย. – ตำรวจเร่งขยายผลส่วยรถบรรทุก ลั่นสาวให้ถึงตัวการใหญ่ในกรมทางหลวง ส่วนนายช่างที่ถูกจับได้ประกันตัวแล้ว ด้านสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ แฉยังมีป้ายสติกเกอร์ผู้มีอิทธิพลอีกราว 20 ป้าย ไม่โดนตรวจสอบ


ความคืบหน้ากรณีตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ ปปป. และ ป.ป.ช. เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับ “ส่วยรถบรรทุก” นำหมายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 บุกจับนายนพดล หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานี ขาออก กรมทางหลวง และยังเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่วิ่งบนทางหลวง นายเอนก หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้านครราชสีมา และนายธงชัย พลเรือนซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ เรียกเก็บส่วยทั้งหมด

ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 11 จุดทั่วประเทศ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ นครปฐม ชลบุรี เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร


วันนี้ (4 ก.ย.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีม้าและผู้ประกอบการรถบรรทุก พบมีการโอนเงินจากผู้ประการรถบรรทุกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าบัญชีม้า และเชื่อมโยงไปถึงนายนพดล เดือนละไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ตรวจสอบย้อนหลัง 4 ปี พบเงินหมุนเวียนประมาณ 200 ล้านบาท ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขยายผลว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการ หรือมีตำแหน่งที่สูงกว่านายนพดลหรือไม่ เมื่อมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก แนวทางการสืบสวนจะต้องให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ร่วมขยายผล โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีตำแหน่งระดับสูงของกรมทางหลวง ต้องแกะรอยจากเส้นทางการเงินว่าเชื่อมโยงถึงบุคคลใด และใครอยู่เบื้องหลังของขบวนการเก็บส่วยรถบรรทุกหรือไม่

3 ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว-ห้ามออกประเทศ
ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยตีราคาประกันคนละ 300,000 บาท พร้อมเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ และให้มาตามนัดของเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง

สหพันธ์ขนส่งฯ ย้ำจุดยืนต้านระบบจ่ายส่วยทุกรูปแบบ
นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาส่วยอย่างเป็นระบบ ซึ่งสหพันธ์ฯ ขอต่อต้านระบบส่วยทุกรูปแบบให้หมดไป แต่ต้องยอมรับว่าระบบส่วยยังมีอยู่และทำมานานแล้ว เป็นทฤษฎีสมประโยชน์ ทั้งผู้ให้-ผู้รับ ได้รับประโยชน์ทั้งคู่ ดังนั้น จึงปราบปรามยาก แต่ก็ต้องทำ ที่ผ่านมามีการรณรงค์ไม่ให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกิน เช่น รถปิกอัพต้องบรรทุกไม่เกิน 2.2 ตัน รถ 4 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 5.5 ตัน รถ 6 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 15 ตัน รถ 10 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 25 ตัน รถพ่วง 18 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 50 ตัน บวก 500 กิโลกรัม เป็นต้น


แฉยังมีสติกเกอร์ผู้มีอิทธิพลอีก 20 ป้าย จ่ายส่วย
ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ระบุด้วยว่า แม้ทางการจะเข้มงวดแต่ขณะนี้ยังมีป้ายสติกเกอร์ของผู้มีอิทธิพลกระจายอยู่ทั่วประเทศประมาณ 20 ป้าย ซึ่งเจ้าของป้ายสติกเกอร์เหล่านี้จะจ่ายส่วยให้หน่วยงานภาครัฐ ส่วนตัวมองว่าการแก้ปัญหาส่วยจะต้องเริ่มแก้ที่ผู้รับเหมารายใหญ่ของรัฐก่อน เพราะการบรรทุกน้ำหนักเกิน ถนนหนทางก็จะพัง ต้องใช้งบประมาณภาษีของชาติซ่อมแซมปีละหลายหมื่นล้าน รวมทั้งจะทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]