อดีตผู้ต้องหาร้อง ผบ.ตร.สอบวินัย 2 ตำรวจทำคดีอนาจารเด็กที่บ้านกกกอก

กรุงเทพฯ 15 ก.พ.- ชาวบ้านกกกอกซึ่งถูกตั้งข้อหาคดีอนาจารเด็ก 5 ขวบ ก่อนคดีถึงที่สุดศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ยื่นร้อง ผบ.ตร. ให้สอบวินัยตำรวจ 2 นายที่ทำคดี เผยเดือดร้อนหนัก ต้องติดคุกกว่า 1 ปี ครอบครัวถูกครหา ภรรยาต้องหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว จ่อฟ้องเรียกค่าเสียหาย-แจ้งเอาผิด ม.157


นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความพานายนริน และภริยา ชาวบ้านบ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สอบวินัยตำรวจ 2 นาย ยศร้อยตำรวจเอกสังกัดงานยาเสพติดในขณะนั้น และตำรวจยศพันตำรวจอีก 1 นาย ที่ทำคดีอนาจารเด็ก 5 ขวบ ที่บ้านกกกอกจ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นคดีที่เกิดคู่ขนานกันกับคดีของ “น้องชมพู่” ที่โด่งดัง จนมีหมายจับนายนริน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563

ทนายรัชพล เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวทีมทนายความพบความผิดปกติในการดำเนินคดีของตำรวจทั้งสองนาย เริ่มตั้งแต่การไปสอบปากคำผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 5 ขวบ โดยไม่มีสหวิชาชีพ ที่โรงพยาบาลนานกว่า 6 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีการนำภาพของผู้ต้องสงสัยจำนวน 10 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีรูปของนายนริน รวมอยู่ด้วย ให้ชี้ภาพ ซึ่งมองว่าอาจเป็นการชักจูงหรือชี้นำพยานและผู้เสียหาย และในวันเดียวกันยังให้ผู้เสียหายและครอบครัวไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับนายนริน โดยไม่มีการสอบปากคำหรือรวบรวมพยานหลักฐานใดๆ ก่อน ซึ่งบอกว่าเป็นการทำผิดขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน จนทำให้นายนริน ต้องถูกนำตัวไปฝากขังและถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำระหว่างการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นถึงชั้นฎีกา นานถึง 462 วัน หรือ 1 ปี 3 เดือน 5 วัน


คดีนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุก และล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ซึ่งในชั้นการสืบพยานในชั้นศาลศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบ เนื่องจากมีการลัดขั้นตอนวิธีพิจารณาความอาญา อีกครั้งพบว่าผู้เสียหายให้การเท็จในชั้นศาล

คดีดังกล่าวทำให้นายนริน ได้รับความเดือดร้อนจากการติดคุก และครอบครัวต้องถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีอนาจารเด็ก ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว จึงอยากเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจทั้ง 2 นายที่ทำคดีรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว โดยหลังจากนี้จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท และจะเอาผิดตำรวจทั้ง 2 นาย ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157

ด้านนายนริน ยืนยันว่าคดีดังกล่าวตนเองไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เสียหาย โดยมีพยานหลักฐานสำคัญคือ พยานที่ทำงานด้วยกันในวันดังกล่าว ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาตนเองได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะต้องถูกจำคุกอยู่ภายในเรือนจำนานมากกว่า 1 ปี ครอบครัวก็ได้รับผลกระทบและถูกครหาว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีทางเพศ


ขณะที่นางชนาภา ภรรยาของนายนริน เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังจากสามีติดคุก ต้องดูแลครอบครัวเพียงคนเดียวอย่างยากลำบาก ซ้ำยังถูกชาวบ้านบางส่วนครหาว่าสามีเป็นผู้ต้องหาคดีอนาจารเด็ก และลูกก็ถูกเพื่อนล้อ จนลูกต้องมาร้องไห้บอกเล่าให้ฟังหลายครั้ง ซึ่งตนเองก็รู้สึกสะเทือนใจมาก จึงอยากให้ตำรวจที่ทำคดีดังกล่าวออกมารับผิดชอบกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส