อย. แนะใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงอย่างถูกวิธี รับมือไข้เลือดออก-มาลาเรีย

กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – ยอดผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกและมาลาเรียเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อย. แนะวิธีการเลือกซื้อ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัย


จากข้อมูลของกรมควบคุมโรคที่พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกและมาลาเรียในปี 2565 สูงกว่าปี 2564 ถึง 4.5 และ 3 เท่าตามลำดับ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566 เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา มีความห่วงใยสุขภาพของประชาชน และได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคดังกล่าว คือ ต้องระมัดระวังไม่ให้โดนยุงกัด หนึ่งในวิธีการป้องกันอย่างง่าย คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง ซึ่งมีทั้งรูปแบบการทาหรือฉีดพ่นผิวหนัง ออกฤทธิ์โดยการไปรบกวนกลไกการรับรู้กลิ่นของยุง จึงสามารถใช้ในการไล่ยุงแต่ไม่สามารถฆ่ายุงได้

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการไล่ยุง จัดเป็นวัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ อย. โดยสารออกฤทธิ์ไล่ยุงที่พบบ่อย ได้แก่ ดีอีอีที (DEET), เอทิลบิวทิลอะซีทิลอะมิโนโพรไพโอเนต (Ethyl butylacetyl aminopropionate), อิคาริดิน (Icaridin) และน้ำมันตะไคร้หอม ซึ่งมีวิธีการเลือกซื้อที่แตกต่างกันตามชนิดของสารออกฤทธิ์ในผลิตภัณฑ์ดังนี้ ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง ที่มีสาร ดีอีอีที , เอทิลบิวทิลอะซีทิลอะมิโนโพรไพโอเนต, อิคาริดิน ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. ดังนั้น ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ฉลากมีการแสดงเลขทะเบียน อย. วอส. ในกรอบเครื่องหมาย อย. และแสดงระยะเวลาในการป้องกันยุง ส่วนผลิตภัณฑ์ไล่ยุงที่มีน้ำมันตะไคร้หอม เป็นสารออกฤทธิ์ในการไล่ยุง ไม่ต้องขอขึ้นทะเบียน แต่ต้องแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่อ อย. จึงควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีการแสดงเลขที่รับแจ้งบนฉลาก


การใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง ควรใช้อย่างระมัดระวัง อ่านฉลากและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ควรเก็บผลิตภัณฑ์ในที่มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหาร และสัตว์เลี้ยง ปิดฝาให้สนิทและอย่าให้ถูกแสงแดด เปลวไฟ หรือความร้อน ห้ามรับประทาน ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงส่วนใหญ่ ห้ามใช้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปี ควรใช้เฉพาะที่ เมื่อจำเป็นเท่านั้น อย่าใช้ติดต่อกันเป็นประจำ ก่อนใช้ ควรทดสอบการแพ้ โดยการทาหรือพ่นที่บริเวณข้อพับแขน อย่าทาบริเวณเนื้อเยื่ออ่อน เช่น บริเวณใกล้ตา ริมฝีปาก เปลือกตา รักแร้ หรือทาบริเวณแผล และล้างมือทุกครั้งหลังใช้ผลิตภัณฑ์ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง