กฟน. พร้อมเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุต้นไม้ล้มทับสายไฟ วอนดูแล “ต้นไม้-ป้ายโฆษณา” ให้แข็งแรง

กฟน. 14 พ.ค. – กฟน. เสียใจผู้เสียชีวิต เหตุต้นไม้ล้มทับสายไฟ
พร้อมช่วยเหลือเยียวยาส่วนหนึ่ง วอนผู้ประกอบการดูแล
“ต้นไม้-ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่” ให้แข็งแรงปลอดภัย


 

นายธีระวัฒน์ เทพอำนวยสุข
ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต
จากเหตุต้นไม้ใหญ่ล้มทับสายไฟฟ้า บนถนนในซอยชิดลมวานนี้ (
13
พ.ค.) ซึ่งทาง กฟน. กทม. ได้ดำเนินการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายเคลียร์พื้นผิวจราจรได้
โดยเหตุเกิดจากต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มลงมาโดนสายสื่อสาร
แล้วรั้งสายทำให้เสาของผู้ประกอบการโทรคมนาคมหัก
ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าบริเวณนี้จากเซ็นทรัลชิดลม
เข้ามาจนถึงช่วงอาคารอัลมาลิงค์แล้วจะไม่มีสายไฟฟ้า เนื่องจากทาง กฟน.
ได้นำสายไฟฟ้าลงดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะไม่มีปัญหาเรื่องของไฟฟ้าดับ
ตามโครงการมหานครแห่งอาเซียน โดยในปี
2562-2564
ระบบสายไฟฟ้าบนถนนชิดลมจะนำลงใต้ดินทั้งหมด
เพราะฉะนั้นจะมีเหลือเพียงสายสื่อสารเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม กฟน.
จะเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาด้วยส่วนหนึ่ง โดยเบื้องต้นทาง
กฟน.ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน
20,000 บาท ให้กับครอบครัว
พร้อมพวงหรีด และร่วมเป็นเจ้าภาพในการสวดอภิธรรมศพผู้เสียชีวิตในวันที่
15 พ.ค. นี้


 

ทั้งนี้จึงอยากจะขอวิงวอน ผู้ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ให้ดูแลความมั่นคง
และความแข็งแรงของต้นไม้ หรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ให้มีความมั่นคงแข็งแรง และปลอดภัยต่อประชาชน
เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน
แต่หากมีปัญหาต้นไม้เข้าใกล้เสาไฟฟ้าในระยะที่ไม่ปลอดภัย
สามารถแจ้งที่การไฟฟ้าในพื้นที่ให้เข้าไปดำเนินการได้ ส่วนของ กฟน.ก็จะพยายามดูแล
ความแข็งแรงมั่นคงของเสาไฟฟ้าให้ดีที่สุด ซึ่งความแข็งแรงของเสาไฟฟ้า
ได้รับการออกแบบรองรับภัยที่เกิดในประเทศไทย ได้มาตรฐานของการไฟฟ้า
ซึ่งรองรับความปลอดภัย และเหตุลมแรง โดยได้เอาสถิติในประเทศไทยมาคำนวณ
รวมถึงมีการเสริมความแข็งแรงของขนาดเสาด้วย

 


นายธีระวัฒน์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจ และทำหนังสือเตือนให้ดำเนินการเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยทั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่
และต้นไม้แล้ว
ขณะที่ในส่วนของการดำเนินการหาตัวผู้รับผิดชอบในกรณีดังกล่าวตามกฎหมายนั้น
อยู่ในขั้นตอนการสืบสวน และรวบรวมหลักฐาน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอยู่.
สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง