กรุงเทพฯ 11 พ.ค. – วายแอลจี คาดราคาทองแกว่งตัว 19,750-21,300 บาท แนะเก็บทองเข้าพอร์ตร้อยละ 10-20
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่าแนวโน้มราคาทองคำในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,295 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 19,750-21,300 บาทต่อบาททองคำ โดยแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาใกล้บริเวณแนวรับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 19,750 บาทต่อบาททองคำ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นแต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,295 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,300 บาทต่อบาททองคำได้ โดยยังคงแนะนำนักลงทุนให้ถือครองทองคำในพอร์ตร้อยละ 10-20 เนื่องจากทั่วโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ดังนั้นจึงควรกระจายการลงทุนส่วนหนึ่งไปยังสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
โดยปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำคือ การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ ขณะเดียวกันยังต้องจับตาการปรับลดขนาดงบดุล คาดว่าราคาทองคำจะได้ผลกระทบในเชิงลบ นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝั่งยุโรปจากการเลือกตั้งในหลายประเทศและการเริ่มกระบวนการเจรจาแยกตัวจากอียูอย่างเป็นทางการของอังกฤษกระตุ้นแรงซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง ประกอบกับสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลางและคาบสมุทรเกาหลี ปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังในการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยส่งผลให้ราคาทองคำยังสามารถให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้อยู่
สำหรับภาพรวมราคาทองคำตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน นางสาวฐิภา กล่าวว่า ทองคำต่างประเทศยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยอยู่ที่ร้อยละ 6 หรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 69 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากราคาเปิดตลาดเมื่อต้นปี 2560 ที่ 1,151.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศนั้นให้ผลตอบแทนร้อยละ 2 หรือ ปรับเพิ่มขึ้น 400 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งให้ผลตอบแทนน้อยกว่าราคาทองคำในตลาดโลกเนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ – สำนักข่าวไทย