กาตาร์ 11 ธ.ค. – แฮร์รี เคน พลาดจุดโทษลูกที่ 2 ทำให้ “สิงโตคำราม” อังกฤษ พ่าย “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์เก่า 1-2 ส่วนโมร็อกโก พลิกเฉือนชนะ โปรตุเกส 1-0 สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นทีมแรกของทวีปแอฟริกา พบ ฝรั่งเศส ฟุตบอลโลก 2022
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่สนามอัลบาย์ สเตเดี้ยม แชมป์เก่า “ตราไก่” ฝรั่งเศส พบ “สิงโตคำราม” อังกฤษ เจ้าของแชมป์ 1 สมัย
นาทีที่ 17 ฝรั่งเศสขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ อองตวน กรีซมันน์ ผ่านบอลให้ โอเรเลียง ชูอาเมนี ยิงไกลจากระยะเกือบ 25 หลา บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม จบครึ่งแรก ฝรั่งเศสนำ 1-0
ครึ่งหลัง นาทีที่ 54 จู๊ด เบลลิงแฮม ถูก โอเรเลียง ชูอาเมนี สกัดล้มในกรอบเขตโทษ กรรมการชี้ให้อังกฤษได้จุดโทษ และเป็น แฮร์รี เคน ยิงเข้าไปให้ทีมตีเสมอ 1-1 เป็นการยิงทาบสถิติดาวยิงสูงสุดทีมชาติอังกฤษของ เวย์น รูนีย์ ที่ 53 ประตู
นาทีที่ 74 ฝรั่งเศสขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 อองตวน กรีซมันน์ เปิดบอลมาเข้าหัว โอลิวิเยร์ ชิรูด์ โหม่งบอลไปแฉลบ แฮร์รี แม็กไกวร์ เข้าประตูไป
ท้ายเกมนาทีที่ 84 เตโอ แอร์กน็องเดซ ไปกระแทก เมสัน เมาน์ท ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ ก่อนเป่าจุดโทษให้อังกฤษอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ แฮร์รี่เคน ยิงข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ จบเกม ฝรั่งเศส เฉือนชนะ อังกฤษ 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
หลังจบเกม ดีดิเยร์ เดส์ชองส์ เฮดโค้ชทีมชาติฝรั่งเศส กล่าวชื่นชมอังกฤษเป็นทีมที่ดีมาก และมีความสามารถเชิงเทคนิคที่น่าประทับใจ ถึงแม้สุดท้ายเป็นทีมตนที่เบียดเอาชนะได้ แม้จะเสียจุดโทษให้พวกเขาถึง 2 ครั้ง พร้อมยกเครดิตให้กับลูกทีมทุกคน
ด้าน แกเรธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า นักเตะทุกคนแสดงให้เห็นแล้วว่ามีศักยภาพดีพอจะคว้าแชมป์โลก แม้จะพลาดท่าแพ้ให้กับฝรั่งเศส และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็เป็นตัวตัดสินเกม แต่มองว่าความก้าวหน้าที่ทีมแสดงออกมาให้เห็นระหว่างทัวร์นาเมนต์มันยอดเยี่ยมมาก
อีกคู่ ที่สนามอัล ธูมามา สเตเดี้ยม โมร็อกโก พบ โปรตุเกส เกมนี้ แฟร์นานโด ซานโตส เทรนเนอร์ทีมชาติโปรตุเกส ดร็อป คริสเตียโน โรนัลโด เป็นเพียงตัวสำรอง
ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 42 โมร็อกโกพลิกขึ้นนำก่อน 1-0 ยาห์ยา อัลลาห์ เปิดจากกราบซ้ายมาเข้าหัว ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี ขึ้นโหม่งตัดหน้า ดิโอโก กอสตา ผู้รักษาประตูของโปรตุเกส ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย
ครึ่งหลัง นาทีที่ 51 โปรตุเกสส่ง คริสเตียโน โรนัลโด ลงมาเล่นเทน รูเบน เนเวส ก่อนที่นาทีที่ 82 โรนัลโดจะไหลบอลให้ ชูเอา เฟลิกซ์ วิ่งมาปั่นด้วยซ้าย แต่ ยาสซีน บูนู ผู้รักษาประตูโมร็อกโก โชว์ซูเปอร์เซฟบินปัดออกหลังไปได้หวุดหวิด
ช่วงทดเวลานาที 90+1 โรนัลโดได้โอกาสยิงด้วยขวา แต่ยังติดเซฟของ ยาสซีน บูนู นาที 90+3 โมร็อกโกเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ วัลลิด เชดดิรา โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม จบเกม โมร็อกโก เฉือนชนะ โปรตุเกส 1-0 สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกจากทวีปแอฟริกาที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปพบฝรั่งเศส ในวันที่ 14 ธันวาคมนี้
หลังเกม แฟร์นานโด ซานโตส กุนซือโปรตุเกส กล่าวว่า ตนไม่เสียใจที่ไม่ส่งโรนัลโดลงเล่นเป็นตัวจริง หลังเจ้าตัวร้องไห้เดินเข้าอุโมงค์หลังทีมตกรอบ เพราะเขาคิดว่าทีมชุดนี้กำลังเล่นกันได้ดี ส่วนอนาคตการคุมทีมจะขอพูดคุยกับประธานสมาคมฟุตบอลอีกครั้งเมื่อกลับไปถึง โปรตุเกส
ขณะที่แฟนบอลของโมร็อกโกหลายหมื่นคนทั้งที่ตามมาเชียร์ที่สนามอัล ธูมามา สเตเดี้ยม และที่อาศัยอยู่ในเบลเยียม สเปน และฝรั่งเศส รวมทั้งที่โมร็อกโก ต่างออกมาเฉลิมฉลองชัยชนะของทีม เต้นรำ ร้องเพลง โบกธงกันอย่างมีความสุข แฟนบอลต่างกล่าวว่านักเตะทุกคนได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับโลกอาหรับ สร้างแรงบันดาลใจในการแสดงตัวตนของชาวอาหรับไปทั่วโลก และมองว่านักเตะชุดนี้มีดีพอที่จะก้าวไปคว้าแชมป์โลก
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ
คืนวันที่ 13 ธันวาคม 2565 เวลา 02.00 น. อาร์เจนตินา พบ โครเอเชีย ที่สนามลูซาอิล ไอคอนิค สเตเดียม ส่วนคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2565 เวลา 02.00 น. โมร็อกโก พบ ฝรั่งเศส ที่สนามอัล บาย์ท สเตเดียม.-สำนักข่าวไทย