นนทบุรี 9 ธ.ค.-ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์(กรอ. พาณิชย์) ตั้งเป้าปี 66 เดินหน้าเจาะตลาดส่งออก ใน 3 ตลาดใหญ่ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง-เอเชียใต้-CLMV หวังเพิ่มยอดการค้าหลายแสนล้านบาท พร้อมเดินหน้าเต็มตัวรุกทำ Mini FTA เพื่อรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวปีหน้า แต่มีโอกาสขยายส่งออกสินค้าไทยในตลาดโลกได้อีกมาก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์(กรอ. พาณิชย์) พร้อมด้วยหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องว่า เพื่อเตรียมการส่งออกปีหน้ารองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ปัญหาความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบต่อราคาพลังงานและความมั่นคงทางอาหารของโลก และจับตานโยบายซีโร่โควิดของจีนว่าจะผ่อนคลายได้มากน้อยแค่ไหน พร้อมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท มีผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตส่งออกของไทยเป็นสิ่งที่ต้องติดตามปัญหาเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีการประเมินภาพรวมการส่งออกของไทยปีหน้า แม้จะมีหลายปัจจัยกรอ.พาณิชย์มองว่าสินค้าไทยยังมีโอกาสทำตลาดในต่างประเทศได้ โดยตั้งเป้าบุกตลาดที่มีศักยภาพเพิ่มยอดการส่งออกจากมาตรการปกติที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้ โดยจะเร่งเจาะตลาด 3 ตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพประกอบด้วยตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียใต้ และตลาด CLMV เพราะเห็นว่า 3 ตลาดใหญ่นี้ ปี 65 คาดมียอดการส่งออกรวมประมาณ 1.7 ล้านล้านบาทและปี 66 จะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มได้อีก 300,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ แนวทางเร่งเจาะตลาดนี้ โดยตลาดตะวันออกกลาง มุ่ง 3 ตลาดใหญ่ซาอุดิอาระเบีย ยูเออีและกาตาร์ สินค้าเป้าหมายสำคัญ คือ อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศและวัสดุก่อสร้าง ตั้งเป้าปี 66 เพิ่มตัวเลขส่งออก 3 ประเทศนี้ 20% จาก 8,900 ล้านเหรียญในปี 65 เป็น 10,300 ล้านเหรียญในปี 66 และตลาดเอเชียใต้ เน้นประเทศสำคัญ 3 ประเทศ คือ อินเดีย บังกลาเทศและเนปาล ตั้งเป้าส่งออกปีหน้าใน 3 ประเทศนี้ ตลาดเอเชียใต้ +10% เพิ่มจากปีนี้ที่ 12,000 ล้านเหรียญ เพิ่มเป็น 13,200 ล้านเหรียญ ในปี 66 สินค้าสำคัญ เช่นเคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และ 3.ตลาด CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ตั้งเป้า +10-15% จาก 28,000 ล้านเหรียญในปีนี้ เป็น 33,500 ล้านเหรียญในปีหน้า โดยสินค้าเป้าหมายสำคัญ เช่น วัสดุก่อสร้างเครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเร่งรัดการค้าชายแดน เช่น อาหาร ผลไม้ ผักและสินค้าอื่นเป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณา เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์นำคณะไปเยือนประเทศ คือ 1. UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เพราะจะเป็นประตูสำคัญอีกประตูหนึ่งนอกจากซาอุดิอาระเบียส่งสินค้าไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อินเดียโดยเฉพาะรัฐคุชราต มีเมืองอาห์เมดาบัด ที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของอินเดีย มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มณฑลยูนนาน ซึ่งไทยต้องเร่งรัดทำ Mini FTA เป็นที่ตั้งของด่านสำคัญของจีนคือ ด่านโม่ฮาน ขณะนี้รัฐบาลจีนเห็นชอบเปิดด่านได้แล้ว อาจมีปัญหาอุปสรรคในภาคปฏิบัติ จะเป็นโอกาสเจรจาร่วมกับมณฑลอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้าไทยไปจีนผ่านมณฑลยูนนานคล่องตัวขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมเสนอให้นอกจากแผนงาน FTA ควรเจาะทำ Mini FTA กับเมืองหรือเขตเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษเป็นการเร่งด่วน และ Mini FTA กับปากีสถาน โดยเฉพาะเมืองลาฮอร์ ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของปากีสถาน รวมถึงกลุ่มอ่าวอาหรับหรือ JCC ถ้ารอทำ FTA จะใช้เวลา ถ้าสามารถเจาะทำ Mini FTA ได้ก่อนจะช่วยตัวเลขการส่งออกของไทยได้.-สำนักข่าวไทย