รัฐสภา 1 พ.ค.-คณะกรรมาธิการสังคมฯ สนช. มอบหมาย อนุกรรมาธิการเด็กและเยาวชน ติดตามผลสอบคดีค้าประเวณี จ.แม่ฮ่องสอน ยอมรับแก้ปัญหาค้าประเวณีโดยสมัครใจเป็นเรื่องที่แก้ยาก
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงภาพรวมการค้าประเวณีในประเทศไทย ว่า มีวิวัฒนาการ 4 ยุค คือ ยุคตกเขียว ที่ทุกหมู่บ้านต้องมีเยาวชนหญิงค้าประเวณี แต่ปัจจุบันสถิติดังกล่าวได้ลดลงแล้ว ยุคที่ 2 ถือเป็นยุคที่แก้ยาก เพราะเป็นการค้าประเวณีโดยสมัครใจ ยุคที่ 3 คือ ยุคที่มีเยาวชนเพศชายสมัครใจในการค้าประเวณี และยุคสุดท้าย เกิดปัญหาท้องไม่พร้อม ที่รัฐบาลทุกสมัยจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ปัญหานี้
นายวัลลภ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังพบสถิติคนต่างด้าวเข้ามาค้าประเวณีมากที่สุดจากประเทศเมียนมาร์ และพบสถิติเยาวชนที่อายุต่ำสุด 12 ปีจากประเทศลาว ขณะที่ประเทศกัมพูชา พบว่า ถูกนำมาเป็นขอทานมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแก้ปัญหาการค้าประเวณีใน 3 ส่วน คือ กระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีค้าประเวณีที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งกรรมาธิการอยู่ระหว่างรอผลการสอบสวน คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ขณะที่เครือข่ายภาคประชาสังคมอยู่ระหว่างเก็บข้อมูลเชิงลึกในหลายจังหวัด แต่เน้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมากที่สุด และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเข้าไปดูแลผู้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้มอบหมายคณะอนุกรรมาธิการกิจการเด็ก และเยาวชน ที่มีคุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี เป็นประธาน ไปติดตามผลการตรวจสอบของกระทรวงมหาดไทยด้วย
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า สำหรับบทลงโทษบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์จากเยาวชน ตั้งแต่อายุ 15-18 ปี แม้จะยอมความได้ แต่ก็มีโทษจำคุก 4-10 ปี และปรับ 80,000-200,000 บาท ขณะที่กรณีเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี จะยอมความไม่ได้ แต่หากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็จะมีโทษเพิ่มเป็น 3 เท่า พร้อมกันนี้ ยังยอมรับว่าสถานการณ์สมัครใจยอมค้าประเวณีเป็นเรื่องที่แก้ปัญหายาก.-สำนักข่าวไทย