ภูมิภาค 27 ต.ค. – รองผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบพนังกั้นน้ำชีขาดบริเวณช่วงบ้านโนนเมือง บ้านสีถาน พร้อมเปิดใช้เส้นทางบ้านบ่อ–ร้อยเอ็ด ส่วนที่ชัยนาท น้ำลดลง แต่ชาวบ้านยังทุกข์หนัก เจอทั้งน้ำเน่าเหม็นและปลิงชุกชุม
สถานการณ์น้ำท่วม จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เดินทางลงพื้นที่พนังกั้นน้ำชีขาดช่วงบ้านโนนเมือง บ้านสีถาน ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย ทำให้รถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ เบื้องต้นจังหวัดกาฬสินธุ์ประสานมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร เพื่อขอสร้างสะพานเบลีย์ให้ประชาชนใช้เดินทางข้ามไปมาเป็นการชั่วคราวก่อน
นายศุภศิษย์ กล่าวว่า จากกรณีพนังกั้นน้ำชีขาดกิโลเมตรที่ 53 บ้านโนนเมือง ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ระยะทางประมาณ 7 เมตร ทำให้รถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา สาเหตุเกิดจากมวลน้ำจำนวนมากไหลมาจากอำเภอฆ้องชัย ยืนยันพนังขาดจุดใหม่น้ำไหลออกแม่น้ำชีไม่ท่วมเพิ่ม และยังทำให้ระดับน้ำที่ท่วมลดลงด้วย สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาว คือ จะต้องจัดหางบประมาณก่อสร้างประตูระบายน้ำกว้างขึ้น เพราะบริเวณนี้เป็นทางระบายน้ำที่มาจากอำเภอฆ้องชัย อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และอำเภอกมลาไสย จะต้องถูกระบายออกบริเวณนี้ ส่วนการจราจรบนถนนกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด สามารถใช้เส้นทางแยกบ้านบ่อ-บ้านหนองตุ-บ้านโจด-บ้านท่ากลาง รถทุกชนิดสามารถผ่านได้ปกติ โดยขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการกู้เส้นทางบริเวณแยกบ้านบ่อถึงบ้านหนองบัว เบื้องต้นประมาณ 1-2 วันจะเปิดใช้เส้นทาง โดยให้วิ่งฝั่งทิศตะวันออกก่อน เนื่องจากอีกฝั่งน้ำยังมีระดับสูง แต่คงใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากการดำเนินการปิดพนังที่อำเภอฆ้องชัย ขณะนี้มีการดำเนินการบดอัดให้พนังมีความแน่น เพื่อไม่ให้น้ำไหลผ่านได้
ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาที่เคยล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 7 ตำบล 49 หมู่บ้าน ในอำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ได้ลดลงจากตลิ่งเกือบหมดทุกหมู่บ้านแล้ว หลังเขื่อนเจ้าพระยาลดการระบายน้ำต่อเนื่องมาอยู่ที่อัตรา 2,228 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ดีขึ้น แต่ยังมีน้ำท่วมขังตามถนนในหมู่บ้าน และบ้านเรือนประชาชนอีกจำนวนมาก บางจุดน้ำยังท่วมสูงตั้งแต่ 30 เซนติเมตร ไปจนถึง 1 เมตร แต่บางจุดน้ำก็ตื้น จนไม่สามารถใช้เรือพายได้ และน้ำท่วมขังมานาน ทำให้เกิดการเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็น อีกทั้งยังมีปลิงชุกชุม ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหนักจะเข้าออกบ้านต้องพายเรือและเดินลุยน้ำ และยังต้องคอยระวังไม่ให้ปลิงมาเกาะขาอีกด้วย ซึ่งความเดือดร้อนหนักเช่นนี้ ทำให้ชาวบ้านต้องนำเครื่องสูบน้ำของชาวบ้านเอง และออกค่าน้ำมันสูบน้ำกันเองไปติดตั้งริมถนนทางหลวง 311 เพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นที่ให้หมดโดยเร็ว
ขณะที่จิตอาสา จ.อ่างทอง นำเรือท้องแบนพร้อมด้วยเครื่องยังชีพเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านหมู่บ้านเกาะ หมู่ที่ 3 ต.ไผ่ดำพัฒนา อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งถูกน้ำท่วมล้อมรอบจนชาวบ้านหลายร้อยครอบครัวติดอยู่กลางน้ำมานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว หลังน้ำไหลบ่าเข้าท่วมทุ่งไผ่ดำพัฒนาซึ่งเป็นทุ่งรับน้ำสุดท้ายก่อนเข้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสูงกว่า 2.5-3 เมตร ทำให้ถนนถูกตัดขาดจนไม่สามารถสัญจรได้ต้องใช้เรือในการเดินทาง ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ โดยจิตอาสาที่ประกอบไปด้วยดารานักแสดงลูกหลานชาวอ่างทอง แม่ค้าพ่อค้าในตลาดอ่างทอง ร่วมมือกับอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆนำสิ่งของเจ้าไปมอบให้เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น
สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมาเริ่มคลี่คลายแล้ว โดยเฉพาะสถานที่ราชการต่าง ๆ ใน อ.พิมาย ที่ถูกน้ำท่วมนานกว่า 1 เดือน ขณะนี้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ประชาชนจิตอาสาฯ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณหอประชุมอำเภอพิมาย เก็บกระสอบทราย เคลียร์พื้นที่หอประชุม และนำรถน้ำมาฉีดล้างบริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอพิมาย ปัดกวาดทำความสะอาดคราบดินโคลน และเศษวัชพืช เนื่องจากน้ำท่วมขังนานนับเดือน ส่วนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ เขื่อนพิมาย ยังคงเปิดประตูเขื่อนทางด้านปากคลองสายใหญ่ 6 บาน และด้านทิศใต้ 2 บาน เพื่อเร่งระบายน้ำภายในเขื่อนพิมายลงสู่ลำน้ำมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าใช้เวลา 1 -2 สัปดาห์ ปริมาณน้ำภายในเขื่อนพิมาย จะลดลงเข้าสู่สภาวะปกติ และหยุดการระบายน้ำออก เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้งปีหน้า.-สำนักข่าวไทย