ปทุมธานี 27 ต.ค. – ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ตั้งกรรมการสอบตำรวจดองเงินโอนผิด 37,000 บาท เกือบ 2 สัปดาห์ไม่คืนให้เจ้าของตัวจริง
ตามที่ปรากฏข่าวในเพจสายไหมต้องรอด กรณีตำรวจไม่ยอมคืนเงินผู้เสียหาย น.ส.มยุรี อายุ 34 ปี พร้อมสามี เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากสายไหมต้องรอด หลังจากเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา นายชุติพนธ์ อายุ 26 ปี ชาวสุพรรณบุรี โอนเงินผิดบัญชีเข้ามาที่เบอร์พร้อมเพย์ของ น.ส.มยุรี จำนวน 37,000 บาท ต่อมานายชุติพนธ์โทรเข้ามาหา น.ส.มยุรี แจ้งว่ามีการโอนเงินผิด ซึ่งเบอร์พร้อมเพย์ของ น.ส.มยุรี ใกล้เคียงกับเบอร์ของนายชุติพนธ์ ผิดกันแค่เลขตัวเดียว
จากนั้น น.ส.มยุรี จึงเดินทางไปที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อลงบันทึกประจำวัน ก่อนจะโอนเงินคืนผู้เสียหาย แต่เมื่อลงบันทึกประจำวันเสร็จ มีตำรวจมาบอกว่าต้องโอนเงินมาไว้กับ ตำรวจเพื่อตรวจสอบก่อนอีก 1 คืน พร้อมกับอ้างว่าเดี๋ยวจะนำเงินไปคืนให้เจ้าของบัญชีที่โอนผิดมาด้วยตนเอง เนื่องจากภรรยาเป็นคนสุพรรณบุรี ถือเป็นคนบ้านเดียวกัน
จากนั้นผ่านมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์ ตำรวจนายดังกล่าวยังไม่ยอมคืนเงินให้กับผู้เสียหาย เจ้าของเงินจึงจะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.มยุรี ในข้อหายักยอกทรัพย์ ทำให้ น.ส.มยุรี กลัวว่าจะตกเป็นผู้ต้องหา จึงตัดสินใจเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยนายชูศักดิ์ อายุ 36 ปี และ น.ส.มยุรี ได้เดินทางมาที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์
นายเอกภพ กล่าวว่า พาผู้เสียหายมาเข้าพบ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ หลังจากเจ้าของเงินจาก จ.สุพรรณบุรี และน้องเขา แสดงความบริสุทธิ์ใจมาแจ้งความไว้ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และมีพนักงานสอบสวนท่านหนึ่งขอตรวจสอบเงินว่าถูกต้องหรือไม่ และทางผู้เสียหายก็คือ น.ส.มยุรี ก็โอนเงินไปที่พนักงานสอบสวนท่านนั้นตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ทางเจ้าของเงินชาวสุพรรณบุรีตัวจริงยังไม่ได้เงินคืน และจะแจ้งความจับ น.ส.มยุรี ฐานยักยอกทรัพย์ เพราะไม่ยอมคืนเงิน ส่วนการนำเงินของผู้เสียหายเข้าบัญชีตัวเองนั้น ตนคิดว่าไม่เหมาะอย่างยิ่ง
ส่วนนายชูศักดิ์ แฟนผู้เสียหาย บอกว่า ตนเองยังกังวลใจกับการเดินเข้าโรงพัก ซึ่ง ผกก. นัดมารับเงินคืน เพื่อนำไปให้กับเจ้าของเงินตัวจริง
ด้าน พ.ต.อ.อภิชาติ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ตนได้เรียกเงินจำนวน 37,000 บาท มาจากพนักงานสอบสวน เพื่อจะนำคืนให้กับเจ้าของเงินตัวจริง ส่วนพนักงานสอบสวนได้ตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว.-สำนักข่าวไทย