หนุ่มใหญ่มือยิงอดีตภรรยา ปลิดชีพตัวเองระหว่างตำรวจปิดล้อม

พัทลุง 12 ต.ค. – ชายวัย 60 ปี ปลิดชีพตัวเอง ระหว่างตำรวจปิดล้อมเตรียมจับกุมที่บ้านพัก จ.พัทลุง หลังก่อเหตุบุกยิงอดีตภรรยา วัย 47 ปี คาลานจอดรถ คอนโดฯ ย่านห้วยขวาง


นายสถาพร อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุยิงนางครองกมล อายุ 47 ปี บริเวณลานจอดรถคอนโดฯ ย่านห้วยขวาง เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ปลิดชีพตัวเอง ระหว่างตำรวจปิดล้อมเตรียมจับกุมที่บ้าน ใน ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง

ย้อนเหตุการณ์กันอีกครั้ง ไล่เรียงจากที่ นายสถาพร คบหากับนางครองกมล อยู่กินฉันสามีภรรยา เป็นเวลา 2 ปี ที่ จ.พัทลุง โดยนางครองกมลมีลูกติด 2 คน เมื่อวันที่ 12 ส.ค.65 ลูกสาวของนางครองกมลได้มาหาแม่ ที่ จ.พัทลุง แล้วได้ทราบว่า แม่มีสามีใหม่ คือ นายสถาพร แต่ทางนายสถาพรนั้น มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย ครอบครองอาวุธปืน กักขังหน่วงเหนี่ยว ลูกสาวจึงตัดสินใจ พานางครองกมล ย้ายมาพักที่กรุงเทพฯ กระทั่งวันที่ 26 ส.ค.65 ผู้ต้องหาได้เดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อบังคับให้นางครองกมล กลับ จ.พัทลุง โดยเจรจากันว่า ลูกสาวจะพานางครองกมลมาคืนให้ แต่แล้วได้ซ้อนแผนกับตำรวจให้เข้าจับกุม หลังทราบว่า นายสถาพร พกพาอาวุธมาด้วย พร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว พกพาอาวุธปืน


จากนั้นนายสถาพร ได้ประกันตัวในชั้นสอบสวนแล้วเดินทางกลับไปที่ จ.พัทลุง แล้วไปก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์ของนางครองกมล จนถูกแจ้งความ ออกหมายจับอีกคดี รวม 2 หมายจับ

กระทั่งวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา เวลา 18.30 น. นางครองกมล และลูกสาว กำลังจอดรถบริเวณใต้ตึกของคอนโดฯ ที่เกิดเหตุ นายสถาพร ซึ่งแอบซุ่มรออยู่ได้ปรากฏตัวพร้อมอาวุธปืน แล้วยิงใส่ทันทีแต่อาวุธขัดลำกล้อง นางครองกมล และลูกสาวตกใจ จึงวิ่งหนีคนละทาง แต่แล้วนายสถาพร ก็ติดตามนางครองกมลไปได้ทัน แล้วใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่บริเวณท้ายรถจนเสียชีวิตคาที่ และวิ่งออกไปทางด้านหน้าคอนโดฯ ขึ้นแท็กซี่หนีไปได้ ตำรวจออกหมายจับ นายสถาพร ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและไต่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ

ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล สน.ทองหล่อ ร่วมกับ ตำรวจพัทลุง ทราบว่า นายสถาพร นั่งรถทัวร์โดยสารกลับมาบ้านในพื้นที่ ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง ตั้งใจจะมาร่วมงานศพแม่ของตัวที่เสียชีวิต โดยนายสถาพร ได้หลบอยู่ในบ้านพัก ตำรวจได้ปิดล้อมตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 11 ต.ค.65 ก่อนให้พี่ชายและลูกสาวเกลี้ยกล่อม เพื่อให้ออกมามอบตัว ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา


จนกระทั่งเมื่อเวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่ให้ญาติเข้าไปเจรจาภายในบ้าน โดยญาติที่กลับออกมา บอกว่า ผู้ต้องหาขอเวลา 10 นาที จนกระทั่งเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่พบนายสถาพร นอนเสียชีวิตในห้องน้ำ ในมือถืออาวุธปืนขนาด 9 มม. และมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าศีรษะ 1 นัด เจ้าหน้าที่กันพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน

สรุปแล้วคดีนี้มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือ นางครองกมล ที่ถูกยิงเมื่อวันที่ 10 ต.ค. บริเวณคอนโดฯ ย่านห้วยขวาง ที่กรุงเทพฯ และ นายสถาพร ผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุปลิดชีพตัวเองในวันที่ 11 ต.ค. ใน จ.พัทลุง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง