โซล 11 ต.ค.- กองทัพเกาหลีใต้ยืนยันวันนี้ว่า มีศักยภาพในการตรวจจับและยิงสกัดขีปนาวุธหลากหลายประเภทที่เกาหลีเหนือยิงต่อเนื่องในช่วงนี้ แต่ยังคงมองว่าโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงร้ายแรง
โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าวถึงภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือว่า ร้ายแรงและรุนแรงมาก แต่ระบบป้องกันขีปนาวุธของเกาหลีใต้สามารถตรวจจับและยิงสกัดอาวุธที่เกาหลีเหนือประกาศว่านำมาใช้ในการซ้อมยิงที่ผ่านมา เกาหลีใต้ยังคงผลักดันเรื่องการนำดาวเทียมจารกรรม อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนสอดแนม และทรัพยากรเสริมในการลาดตระเวนทางทะเลมาใช้ เพื่อให้สามารถจับตาเกาหลีเหนือให้ดียิ่งขึ้น
ด้านประธานาธิบดียุน ซอก-ยอลย้ำกับสื่อที่ทำเนียบประธานาธิบดีว่า จะใช้ความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐและความร่วมมือด้านความมั่นคงไตรภาคีกับสหรัฐและญี่ปุ่นเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การป้องกันประเทศ การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือสะท้อนว่าภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีความร้ายแรงมากขึ้นทุกวัน ไม่เพียงต่อเกาหลีใต้ แต่ยังต่อทั้งโลก อย่างไรก็ดี เขาคิดว่าเกาหลีเหนือจะไม่สามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์เรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ และขอให้ชาวเกาหลีใต้ดำเนินชีวิตตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ
นักสังเกตการณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ขีปนาวุธใหม่ ๆ ของเกาหลีเหนืออาจมีศักยภาพเหนือกว่าระบบป้องกันขีปนาวุธของเกาหลีใต้และสหรัฐ และหากเกาหลีหนือยิงขีปนาวุธจากที่ต่าง ๆ พร้อมกัน ก็ยากที่เกาหลีใต้จะตรวจจับได้ทัน เกาหลีเหนือประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ได้ทดสอบขีปนาวุธทั้งหมด 7 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ หนึ่งในนั้นได้แก่ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลางที่สามารถร่อนเป็นระยะทาง 4,500 กิโลเมตร ไกลพอที่จะไปถึงเกาะกวมที่เป็นดินแดนของสหรัฐ และขีปนาวุธยิงจากหลุมใต้อ่างเก็บน้ำซึ่งมีวิถีโคจรต่ำ สามารถหลบหลีกระบบป้องกันขีปนาวุธได้.-สำนักข่าวไทย