สุพรรณบุรี 7 พ.ย.-มีตัวอย่างของเกษตรกรรายหนึ่งในสุพรรณบุรี ที่มีวิธีการลดต้นทุนการทำนาปรัง ขณะเดียวกันยังได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งสร้างกำไรไม่น้อยกว่าปีละ 1 ล้านบาท เขามีวิธีการอย่างไร? ติดตามจากรายงาน
ลุงชัยพร พรหมพันธุ์ ชาว ต.บางใหญ่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2538 พาทีมข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่สำรวจที่นาปรังกว่า 120 ไร่ ก่อนลงมือหว่านข้าวต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ หลังปริมาณน้ำที่ท่วมขังในแปลงนาลดลง ลุงพรชัยบอกว่า แม้ที่นาแปลงนี้จะเป็นแก้มลิงรับน้ำตามธรรม เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำจะไหลเข้าท่วมทันที แต่หากมีการวางแผนที่ดี หว่านข้าวตามฤกษ์จากตำราโบราณ นาข้าวจะไม่เสียหายเนื่องจากเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จก่อนน้ำจะมาถึง และยังทำให้ขายข้าวได้ราคาดี เพราะมีขายก่อนชาวนารายอื่นๆ อีกทั้งยังมีวิธีการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ทำให้แต่ละปีมีกำไรไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท เช่น การทำเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง การเพิ่มสารอาหารในดินด้วยการไถกลับฟางข้าวหลังเก็บเกี่ยว แทนการเผา
ลุงชัยพร เล่าว่า ในอดีตเคยทำนาโดยใช้ปุ๋ยเคมี แต่เมื่อหักลบต้นทุนแล้วเหลือกำไรไม่มาก จึงเปลี่ยนไปยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อหลวง เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิต โดยการลงมือทำเองทุกขั้นตอน ทำให้มีต้นทุนเพียงไร่ละ 1,871 บาท ขณะที่จ้างคนอื่นต้นทุนจะตกอยู่ที่ไร่ละ 4,306 บาท ที่สำคัญคือ การคิดค้นและผลิตสารอินทรีย์ใช้เองแทนสารเคมี เช่น เชื้อโมโนเลีย กำจัดหนอนในนาข้าว จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง และน้ำสกัดชีวภาพที่ได้จากสมุนไพรในท้องถิ่น เช่น ตะไคร้หอม เปลือกมังคุด เมล็ดสะเดา เถามะระขี้นก และกากน้ำตาล หมักรวมกัน
การทำนาแบบลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ของลุงชัยพร เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างแก่ชาวนาในยุคที่ราคาข้าวตกต่ำ ให้สามารถสร้างกำไร สามารถพึ่งพาตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพารัฐหรือประชาชนคนอื่นๆ โดยหากชาวนาท่านใดสนใจวิธีนี้ลุงชัยพร ยินดีให้คำปรึกษา.-สำนักข่าวไทย